วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ON THE ROCK - มีเรื่องเหล้า #5 {END}

ON THE ROCK #5
- มีเรื่องเหล้า -
{Sehun x Luhan}


'ใครจะไปคิดวะ ว่าวันนึงจะชอบเพื่อนตัวเอง'



            มือใหญ่ลดโทรศัพท์ลงจากหูหลังจากที่ต่อสายหาลู่หานหลายสายแต่ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ลู่หานอาจจะโกรธหรือแก้แค้นที่เขาไม่ยอมรับสายก็เป็นไปได้ แต่ลึกๆในใจเขากลับรู้สึกกระวนกระวายแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ รองเท้าผ้าใบคู่โปรดหยุดที่หน้าร้านมีเรื่องเหล้า ไฟในร้านมืดสลัว ต่างคนต่างก็ลุกขึ้นเต้นกันสนุกเพราะเป็นเวลาเกือบจะหกทุ่มแล้ว มันคือเวลาที่ทุกคนจะออกมาเต้นกันเป็นปกติ
            ดวงตาเรียวคมมองเห็นไอ้แพน เพื่อนของตนอยู่ในกลุ่มฝูงชนนั้น เขาจึงรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาทันที มือแกร่งคว้าแขนของแพนเอาไว้ก่อนที่มันจะหายเข้าไปกับกลุ่มคนอีกครั้ง
            “ลู่หานล่ะ”
            “อ้าว มาแล้วหรอ อยู่โต๊ะอ่ะที่เดิมๆ”
            “ขอบใจ”
            ไม่ทันที่แพนจะได้พูดอะไรต่อร่างสูงก็รีบวิ่งออกไปทันที โต๊ะประจำไม่มีใครนั่งอยู่เลยสักคน มีเพียงจานอาหารที่เกือบหมดเกลี้ยง ขวดเหล้า ขวดมิกเซอร์ และกระเป๋าเป้ของพวกนั้นวางอยู่บนเก้าอี้ แต่กระเป๋าย่ามของลู่หานกลับไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขามองไปยังแก้วเหล้าสองแก้วที่เหลือประมาณค่อนก้นวางอยู่บนโต๊ะ มีใครมาชวนลู่หานดื่มแน่ๆเพราะพวกนั้นถือแก้วเหล้าติดมือกันไปด้วย
            เด็กหนุ่มหันซ้ายขวาพยายามมองหาเพื่อนสนิทหน้าหวานที่ไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน ไม่ไว้ใจเอาเสียเลย คนที่มาชวนดื่มน่ะน่าจะมามอมเอาเสียมากกว่า ก็ลู่หานมันทั้งน่ารักทั้งยิ้มเก่ง ที่สำคัญคนที่เคยมีประวัติถูกผู้ชายลวนลามมากที่สุดตอนมาดื่มก็คือไอ้ลู่
            “มึงแม่งหายไปไหนวะไอ้ลู่..”
            มือข้างซ้ายกุมขมับอย่างเครียดๆ ส่วนมือข้างขวายังคงกดโทรออกหาลู่หานอยู่เรื่อยๆ สองตาก็คอยมองสอดส่ายหาคนตัวเล็กที่อาจจะไปนั่งอยู่โต๊ะใครสักโต๊ะ แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไรเกี่ยวกับลู่หานเลยสักอย่าง
            บางทีลู่หานมันอาจจะเมาแล้วกลับห้องก็ได้มั้ง
            ถึงแม้จะพยายามคิดในแง่บวกให้ตัวเองสบายใจมากแค่ไหน แต่บางอย่างในใจของเขากลับร้อนรนจนทนไม่ได้ เหมือนเขาต้องหาลู่หานให้เจอ.. ถ้าไม่เจอเขาคงนอนไม่หลับแน่ๆ
            อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ช่วยอะไร เขาจึงรีบวิ่งออกจากร้านและบิดมอไซคันเก๋าบึ่งตรงไปยังหอพักของลู่หานทันที..
           

            หอพัก
            คนที่จะเข้าหอพักได้จะต้องมีคีย์การ์ดเปิดประตูใหญ่ แต่โชคดีที่ผมมาพร้อมกับคนที่พักหอนี้และเขากำลังจะเข้าไปพอดีผมก็เลยตามเขาเข้าไปด้วย ยามก็จำผมแหละว่าเป็นเพื่อนของไอ้ลู่เลยไม่ได้ทักท้วงอะไร ผมวิ่งขึ้นบันไดอย่างร้อนรน จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องของลู่หาน แสงไฟจากในห้องลอดผ่านช่องประตูข้างล่างบ่งบอกว่ามีคนอยู่ในห้อง กำปั้นหนักเคาะประตูแล้วตะโกนเรียก
            “ไอ้ลู่ อยู่ในห้องรึเปล่า”
            ..
            มีเพียงความเงียบที่ตอบผมกลับมา
            ก๊อกๆๆ
            “ลู่หาน นี่กูเอง ออกมาเปิดประตูหน่อยเว้ย”

            ภายในห้องยังคงเงียบ จากแค่เคาะจึงกลายเป็นทุบประตู
            ปังๆๆ!
            “ถ้าไม่เปิดกูจะพังเข้าไปแล้วนะ!
           
            “เชี่ยเอ้ย”
            ผมสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแล้วตั้งท่าจะพังประตูเข้าไปจริงๆเพราะกลัวว่าลู่หานจะเป็นอะไรไป แต่จู่ๆประตูก็เปิดออกพร้อมกับคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอแม่งที่นี่กลับเดินออกมาจากห้องของลู่หาน และคนตัวเล็กที่ผมตามหาจนหัวร้อนก็อยู่ในอ้อมกอดของแฟนเก่าของตัวเอง ทั้งคู่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ไอ้วินไม่ใส่เสื้อ ส่วนกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายของลู่หานกำลังจะถูกปลดถ้าผมไม่เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ผมกัดฟันกรอดและรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเลือดขึ้นหน้า ถึงลู่หานจะเมาแต่ก็ไม่ควรมั่วขนาดนี้ป่ะวะ นั่นแฟนเก่าที่ทำร้ายจิตใจมึงนะเว้ย
            “เอะอะโวยวายอะไรนักหนา” ไอ้วินถามผมยิ้มๆ
            “ร้อนอ่ะ.. ช่วยด้วย”
            เสียงหวานหลุดออกมาจากกลีบปากบางในลักษณะครางกระเส่า.. มือเล็กพยายามดึงเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกจากตัว นั่นทำให้ผมรู้สึกตงิดขึ้นมาแล้วตวาดถาม
            “มึงเอาอะไรให้ลู่หานกินวะ!
            ไอ้วินยักไหล่ แถมยังโน้มใบหน้าเข้าไปจูบลู่หานเหมือนจะเยาะเย้ย ร่างเล็กตอบสนองทุกสัมผัสราวกับโหยหา สองแขนบางโอบกอดไอ้วินเอาไว้ด้วยความต้องการ ผมรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจที่ต้องมาเห็นภาพแม่งจูบกันต่อหน้า..

            มือแกร่งกระชากแขนบอบบางจนร่างเล็กผละออกมาจากไอ้ชั่ววิน ผมดึงให้ลู่หานหลบข้างหลังผม เพราะผมจะได้ต่อยไอ้วินได้ถนัดๆไง
            ผัวะ!
            ลู่หานโดนยาปลุกเซ็กซ์แน่ผมค่อนข้างมั่นใจ ไม่งั้นคงไม่ใจกล้าทำอะไรแบบนี้หรอก ไม่คิดเลยว่าไอ้วินจะเล่นสกปรกรวบหัวรวบหางลู่หานในตอนที่เมาไม่ได้สติแบบนี้ ใจหมาเอ๊ย
            ผมซัดมันไม่ยั้ง พอมันจะตั้งตัวได้ผมก็ต่อยมันซ้ำให้หน้าหัน ไอ้วินมีโอกาสได้ต่อยผมคืนแค่หมัดเดียว ยอมรับเลยว่าผมเลือดขึ้นหน้าจนควบคุมหมัดตัวเองไม่ค่อยอยู่ ในหัวมีแต่ภาพที่มันทำเลวกับลู่หานลอยวนอยู่ซ้ำๆ จนกระทั่งมันล้มลงกับพื้น ผมก็ตามไปประเคนตีนมันต่อ เอาเลือดชั่วๆแม่งออกมาเยอะๆจะได้มีสามัญสำนึกบ้าง แบบนี้มันไม่เรียกว่าความรักแล้ว มันเรียกว่าเห็นแก่ตัวต่างหาก ไอ้หมาหวงก้าง
            “คราวที่แล้วกูไม่ต่อยมึงก็เพราะเห็นแก่ลู่หาน”
            ผัวะ!
            “แต่คราวเนี้ย มึงแม่งรนหาตีนเอง”
            ผัวะ!
            “งั้นก็แดกตีนกูให้อร่อยเลยละกัน!
            ตุ้บ! ผัวะ!

            “อั้ก..”
            ผมหยุดต่อยมันเมื่อเห็นเลือดซึมที่มุมปากและหางคิ้ว มือใหญ่กำคอเสื้อของแม่งแล้วดึงให้ขึ้นมาฟังสิ่งที่ผมกำลังจะบอก ให้มันได้รู้และจำใส่หัวกลวงๆของมันเอาไว้
            “มึงทำลายความรู้สึกดีๆสิ่งสุดท้ายที่ลู่หานมีต่อมึงลงไปแล้ว รู้ตัวบ้างหรือเปล่า ลู่หานเก็บมึงไว้ในความทรงจำ เก็บทุกความรู้สึกดีๆที่เคยสร้างร่วมกันไว้ในใจเสมอ แต่มึงแม่งพังมันลงด้วยมือของมึงเอง ลู่หานเจ็บแค่ไหนมึงเคยสนใจมั้ย ตอนที่ลู่หานเลิกกับมึงเค้าทรมานแค่ไหนมึงเคยมารับมารู้มั้ย มึงมีผู้หญิงอีกคนอยู่เคียงข้างมึง แต่ลู่หานไม่มีใคร มีแต่เพื่อนๆที่คอยนั่งแดกเหล้ากับมัน นั่งมองมันร้องไห้ มึงมันก็คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงลู่หานเลยไม่ว่าจะตอนที่คบกันอยู่หรือแม้แต่ตอนที่เลิกกันไปแล้ว และตอนนี้ถึงแม้ว่ามึงทำเหี้ยๆกับลู่หานสำเร็จ แต่มึงคิดหรอว่าลู่หานจะกลับไปรักมึงเหมือนเดิม หรือว่ามึงต้องการแค่ความสะใจ กูไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้อย่างนี้อ่อ แม่งเหี้ย!ว่ะ”
            “...” มันเงียบ ไม่โต้เถียงผมเลยสักคำเดียว
            “แต่ก็ขอบใจนะ”
            “...”
            “ขอบใจที่เลิกกับลู่หานได้ซะที”

            ไอ้วินหลับตาลง ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆอย่างนึกสมเพชตัวเอง ราวกับคนพึ่งจะยอมรับได้ว่าเรื่องของตนกับลู่หานได้จบลงแล้วจริงๆ..
            ผมรู้ว่ามันก็คงเจ็บเหมือนกันที่ต้องเลิกกับคนที่มันรัก ทั้งๆที่มีคนเหมาะสมกว่าในทุกด้านรออยู่แล้ว แต่มันกลับเลือกที่จะมาคบกับลู่หาน ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ทุกอย่างมันเป็นเพราะโชคชะตากำหนดมาแล้วต่างหาก คนที่ไม่ได้คู่กัน สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไปอยู่ดี และไอ้วินมันโง่ไปหน่อยถึงได้ทำให้เรื่องมันแย่ขนาดนี้ โง่ที่แม่งไม่เคยคิดอะไรเลยจนทำให้คนที่มันรักเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ผมลากคอไอ้เหี้ยวินลงมาส่งถึงหน้าหอ ฝากฝังคุณลุงยามให้ส่งมันต่อ “คุณลุงครับ ฝากส่งเพื่อนผมด้วย แม่งเมาจนเป็นหมา”
            เชี่ยวินจ้องหน้าผม ก่อนจะยิ้มมุมปาก
            “กวนส้นตีน”
            “น้อยกว่ามึง”
            “ลู่หานคงได้เจอคนที่ดีกว่ากูแล้วล่ะมั้ง..”
            ผมตบบ่ามันหนักๆ

            “ไม่หรอก กูโหดแล้วก็โฉดกว่าที่มึงคิดเยอะ”
           
.
.
           
            ผมเดินกลับขึ้นมายังห้องของลู่หาน พอเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ออกมาจากก๊อกน้ำไม่หยุด ขายาวก้าวตรงเข้าไปในห้องน้ำก็เห็นคนตัวเล็กกำลังวักน้ำจากก๊อกล้างหน้าตนเองซ้ำๆเพราะฤทธิ์ของยานั่นมันทำให้ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด ลู่หานรู้สึกว่าตนเองร้อนจนทนไม่ไหวและอึดอัดกับเสื้อผ้าที่ตนใส่อยู่มากๆ มือเล็กพยายามจะถอดมันออกไปให้หมดแต่ร่างสูงกลับพุ่งตัวเข้ามาล็อกข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ ผมเดินออกไปหยิบเชือกมามัดรวบสองมือเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา
            ดวงตากลมช้อนมองหน้าผมด้วยน้ำตาคลอเบ้า จมูกและปากเห่อแดงไปหมดด้วยความร้อนและทรมาน ลำพังถ้าลู่หานแค่โดนยามันคงควบคุมอะไรง่ายกว่านี้ แต่นี่ลู่หานทั้งเมาทั้งโดนยา ผมเลยต้องมัดมือมันเอาไว้ก่อนที่มันจะแก้ผ้าตัวเองและมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้
            “ปล่อยนะ”
            “มีสติหรือยัง”
            “ปล่อย!!!
            ผมถอนหายใจแล้วดันร่างเล็กไปยืนใต้ฝักบัว จัดการติดกระดุมเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทางแล้วเปิดฝักบัวใส่หัวของมัน น้ำเย็นๆทำเอาลู่หานสะดุ้งและหลับตาปี๋ ปากก็ร้องโวยวายไม่หยุด
            “จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยกูนะ ปิดน้ำเดี๋ยวนี้!
            “กูกำลังทำให้มึงสร่างเมาแล้วก็หายร้อนไง อย่าคิดจะเดินหนีนะ ถ้าหนีกูจับมัดขาอีกจริงๆด้วย”
            “โอ๊ย..”
            เสียงหวานร้องท้วงออกมาอย่างคนไม่ได้ดั่งใจ มือน้อยกำเข้าหากันเกร็ง ผมต้องใจแข็งและลู่หานต้องแข็งใจ น้ำเย็นๆช่วยดับร้อนได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ลู่หานหาย จนกว่าลู่หานจะบอกว่าหนาว ผมถึงจะยอมปิดน้ำให้ เพราะถ้าอุณหภูมิในร่างกายลดลงแล้วนั่นแปลว่ายาหมดฤทธิ์แล้ว
            “ไอ้คนชั่ว.. นิสัยไม่ดี”
            “ด่าไปเลย ด่าให้พอใจ”
            “ไม่ช่วยแล้วยังมาทำแบบนี้อีก ไอ้บ้า!
            “นี่กูกำลังช่วยมึงอยู่นะ มึงต้องแข็งใจและต้องอดทนเพราะมึงกำลังโดนยาปลุกเซ็กซ์เล่นงาน ถ้าไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วหัวใจแตกสลายก็ยืนอยู่ตรงนี้จนกว่าจะหายร้อน พูดให้เข้าใจตรงกัน กูไม่ได้อยากโหดร้ายกับมึงเลย เพราะกูก็เจ็บเหมือนกันที่ต้องยืนดูมึง.. ทรมานแบบนี้”
            “...”

            ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องน้ำ ปล่อยให้กระแสน้ำเย็นๆไหลผ่านร่างตัวเองไปเรื่อยๆ มันทั้งรู้สึกร้อน ทั้งรู้สึกหนาว และทรมานด้วยความต้องการ มือเล็กกำเข้าหากันแน่นเพื่ออดกลั้นสิ่งเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันช่างโหดร้ายกับคนตัวเล็กๆคนนี้เหลือเกิน จนกระทั่งน้ำตาหยดใสร่วงผล็อยลงมาในที่สุด..
            ผมย่อตัวนั่งพิงผนังห้องน้ำฝั่งตรงข้ามลู่หาน มองดูมันร้องไห้ และมองดูแววตาเว้าวอนที่ส่งมาหาผมเรื่อยๆ ผมจะใจแข็งกับลู่หานไปได้นานเท่าไหร่กัน ผมไม่อยากให้ลู่หานตราหน้าผมว่าเป็นคนฉวยโอกาส ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย..

            เวลาผ่านไปได้สักพักลู่หานเริ่มปากซีดและตัวสั่น.. ผมจึงลุกขึ้นแล้วตรงเข้าไปหาลู่หาน ค่อยๆประคองร่างเล็กเข้ามาสวมกอดแนบอก มืออบอุ่นลูบเส้นผมเปียกชื้นไปมาราวกับปลอบโยนว่าผมอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะโอเคขึ้น ถึงแม้ว่าตัวผมจะเปียกไปด้วยและอาจจะไม่สบายได้ แต่ผมก็ยอมถ้าจะทำให้หัวใจของลู่หานอบอุ่นขึ้น คนตัวเล็กๆแบบลู่หานไม่น่ามาเจออะไรแบบนี้เลย..
            ราวกับเป็นบททดสอบจากคนบนฟ้า ว่าทั้งคู่จะก้าวผ่านเรื่องร้ายๆเหล่านี้ไปด้วยกันได้หรือไม่..
.
.


            ตีสี่ครึ่ง
            ลู่หานกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ในอ้อมกอดของผม มันหายตัวสั่นแล้ว แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของมันแทน..
            “หนาว..”
            “หายร้อนแล้วใช่มั้ย”
            “อืม”
            ผมจูบหน้าผากลู่หานแล้วเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำฝักบัว ลู่หานดูน่าทะนุถนอมไปหมดเลยในตอนนี้.. ทั้งบอบบาง อ่อนแอ กลัวจับแรงๆแล้วจะบุบสลายอะไรทำนองนั้นเลย ผมเชยคางมนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบกลีบปากนุ่มๆนั้นอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งที่หก เจ็ด หรือแปดผมก็ไม่ได้นับ ลู่หานทำผมเผลอไผลจุมพิตกลีบกุหลาบน้อยๆนี้ไปหลายหนโดยที่ลู่หานเองก็ตอบสนองผมทุกสัมผัส.. มันอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ตามแต่ แต่จูบของลู่หานมันช่างหวานจับใจผมจริงๆ..

            “เดี๋ยวไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน นั่งรอก่อนนะ”
            “อื้ม”
            เสียงที่เคยอ่อนหวานกลับดูแหบพร่าโรยแรง สงสัยต้องให้ทานยาลดไข้ก่อนนอนเสียแล้ว ผมแก้มัดเชือกออกจากข้อมือเล็กแล้วจึงลุกเดินออกจากห้องน้ำไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้า ก่อนจะวกกลับเอามาให้มันในห้องน้ำ
            “เปลี่ยนเองไหวนะ”
            “อื้อ ไหวๆ”
            “กูไปรอข้างนอก เสร็จแล้วเรียก”
            “เซฮุน..”
            “ว่า”
            “ขอบคุณมากนะ”
            ดวงตากลมบอบช้ำนั้นมองสบตากับผมด้วยความจริงใจ..
            “ขอบคุณที่ช่วยพูดแทนกู เรื่องวิน.. แล้วก็ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ไม่เคยหนีหายไปไหนเลย.. ไม่ว่าจะเป็นตอนกูมีความสุข หรือตอนกูกำลังทุกข์ มึงเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างกูเสมอ”
            “เมาแล้วเพ้อเจ้อละมึงอ่ะ”
            มันหัวเราะเบาๆ “ไม่ได้เพ้อ..”
            “...”
            “กูพูดจริงๆ”
            “อืม ยินดีครับ” ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ
            “กูคงชอบมึงจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”
            “ฮะ?”
            “ออกไปได้แล้ว จะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
            มือเล็กยันตัวเองขึ้นจากพื้นห้องน้ำแล้วเดินมาดันตัวผมให้ออกไป ถ้าเมื่อกี้หูผมไม่ได้เพี้ยนไม่ได้ฝาด ผมว่าผมได้ยินสิ่งที่แม่งโคตรดีเลยนะ..

            ยิ้มจนเหงือกแห้งแล้วบ้าเอ้ย

           
            ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านนอก ส่วนลู่หานเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ ผมที่เปลี่ยนเสร็จก่อนจึงเดินวุ่นวายหาน้ำกับยาให้มันกิน จนกระทั่งได้ยินเสียงปลดล็อกประตูห้องน้ำดังกริ๊ก ผมที่กำลังรินน้ำใส่แก้วอยู่จึงหันไปมอง ไอ้ลู่โผล่แค่ใบหน้าออกมาจากขอบประตู แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงลามไปถึงใบหู
            “ไอ้ฮุน มานี่หน่อยสิ..”
            “มีไร ออกมาคุยกันข้างนอกนี่”
            มันส่ายหัวดิก
            “เป็นอะไร”
            ลู่หานกัดปาก ท่าทางอายๆ ผมก็เลยต้องวางขวดน้ำทิ้งไว้แล้วเดินเข้าไปหามันที่เกาะขอบประตูห้องน้ำเป็นตุ๊กแกอยู่

            “มีอะไร”
            “คือ..”
            “?”
            “แบบ”
            “...”
            “คือว่า..”
            “อ่ะ คือแบบๆอยู่อย่างนี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่อง”
            มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างคนสติแตก
            “โอ๊ยไม่รู้แล้วเว้ย ยามันหมดฤทธิ์ แต่ไอ้นั่นมันไม่ยอมลงอ่ะ!
            พอมันพูดจบ เราทั้งสองคนก็หลบสายตาออกจากกันพร้อมกับยกมือขึ้นเกาท้ายทอยกันทั้งคู่ ผมเข้าใจนะว่าไอ้นั่นของผู้ชายถ้ามีอารมณ์แล้วไม่ได้ปลดปล่อยมันจะค้าง ไอ้ลู่คงไม่รู้จะทำยังไง หน้าอย่างนี้เคยช่วยตัวเองรึเปล่าก็ไม่รู้
            “แน่ใจนะว่าจะให้กูช่วย”
            “อืม”
            “ตอบมั่นใจเกินไปมั้ย”
            “เร็วๆเหอะน่า”
            มันหน้าแดงมากจนผมนึกเขินตาม มือใหญ่ดันแผ่นหลังบางเข้าห้องน้ำพร้อมกับกดล็อกประตูแน่นหนา ผมจับลู่หานให้ยืนพิงผนังห้องน้ำไว้ ให้ตาย.. ผมเขิน มันเองก็เขิน แต่ทำยังไงได้วะ ไอ้ประสบการณ์เชิงลึกที่ผมสั่งสมมาทั้งหมดมันใช้ไม่ได้กับตอนนี้เลยสักนิด

            “หลับตา ห้ามมองจนกว่ากูจะบอกให้ลืมตา โอเค้”
            “โอเค”
            ตากลมสวยค่อยๆหลับลงจนปิดสนิทอย่างว่าง่าย แพขนตาหนาแนบลงกับพวงแก้มอมชมพู ปากของมันซีดหน่อยๆจากการที่นั่งแช่น้ำเย็นเป็นเวลาหลายชั่วโมง..

            ผมถอนหายใจ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้ไปตามแก้มเนียน ชมเครื่องหน้าน่ารักๆไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายอย่างอายๆของมัน จนกระทั่งนิ้วโป้งของผมมาจบที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม ผมกดกลีบปากล่างของลู่หานลงแล้วบรรจงจุมพิตอย่างอ้อยอิ่ง
            ทุกอย่างมันอ่อนหวาน.. อ่อนหวานไปหมดจนหัวใจเต้นแรง ผมจูบแล้วก็คลาย จูบแล้วก็คลาย รอจนแน่ใจว่าลู่หานพร้อมจริงๆผมถึงได้เพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือแกร่งเลื่อนลงมาไล้วนแถวๆท้องน้อยนั้น
            “อื้อ!..”
            ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ายานั่นมันจะหมดฤทธิ์แล้วจริงๆน่ะ ท้องน้อยหดตัวเกร็งเมื่อมืออุ่นๆนั้นลูบผ่าน ผมผละจูบออกจากลู่หานแล้วย่อตัวลงกับพื้นห้องน้ำ ค่อยๆดึงกางเกงนอนของมันลงอย่างช้าๆ เจ้าสิ่งนั้นบวมแดงและมีน้ำสีขุ่นปริ่มอยู่ตรงส่วนปลาย เป็นถึงขนาดนี้ถ้าไม่ปลดปล่อยคงทรมานตายอ่ะ ไม่แปลกใจที่ลู่หานจะอึดอัดจนทนไม่ไหวแบบนี้
            แค่ผมแตะเจ้าสิ่งนั้นนิดเดียวลู่หานก็สะดุ้งและตัวสั่นไปหมด มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าอย่างอายๆ ผมประคองเจ้าลู่หานตัวน้อยไว้แล้วแตะลิ้นลงที่ส่วนปลาย เสียงหวานแหบพร่าครางออกมาอย่างซื่อตรงซะจนน่าแกล้งชะมัด ลู่หานแม่งจะน่ารักอะไรขนาดนี้วะเนี่ย.. ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้กับใครเลยเพราะมีแต่แฟนเป็นผู้หญิง แต่ผมก็รู้ดีว่าส่วนไหนที่จะทำให้ผู้ชายรู้สึกดี

            ยิ่งผมช่วยลู่หาน ทำมันไปเรื่อยๆ ลู่หานก็ยิ่งตัวสั่นและเริ่มปัดป่ายมือไปตามผนังห้องน้ำ สุดท้ายก็มาจบลงที่การขยุ้มหัวของผม ส่วนมือน้อยอีกข้างอุดปากตนเองเพื่อกลั้นเสียงน่าอับอายเอาไว้
            “อ๊ะ! ฮื้อ.. อึก”
            ผมเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าลู่หานเมื่อเห็นว่าเสียงครางของมันดังหนักขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหวานแดงซ่าน เหงื่อซึมตามไรผม แถมยังหลับตาปี๋ดูน่ารักน่ารังแก ความคิดบ้าๆในหัวผมแล่นพล่านไปหมดเลย พูดตามตรงจากปากผู้ชายอย่างผมเลยนะ ไม่คิดมาก่อนว่าไอ้ลู่มันจะน่ากินขนาดนี้ ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันยังเกิดอารมณ์ได้ไม่ยาก ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบความอ่อนหวานไร้เดียงสา รุกไปยังไงก็ตอบกลับมาอย่างซื่อตรง
            ลู่หานทำเอาผมสติแตกไปชั่วขณะเลยว่ะ

            “ไม่.. ไหวแล้ว”
            ร่างเล็กทรุดตัวครูดลงกับผนัง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ตามทำสิ่งนั้นจะกว่าจะเสร็จ มือแกร่งแยกสองขาของลู่หานออกจากกันพร้อมกับเพิ่มจังหวะหนักตรงส่วนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแตะจุดนั้นเต็มทน เสียงดูดกลืนหยาบโลนยังคงเร่งเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมสวยค่อยๆเปิดขึ้นอย่างทนไม่ไหว.. แวบแรกเป็นความพร่ามัวอย่างมหาศาล ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆปรับสภาพจนชัดขึ้น ชัดขึ้น.. คนน่ารักก้มลงมองกลุ่มผมสีดำสนิทขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอยู่ตรงหว่างขา มือข้างหนึ่งของตนขยุ้มกลุ่มผมนั้นจนยุ่งเหยิง ส่วนมืออีกข้างจิกข่วนไหล่เปลือยเปล่าของเขาเป็นรอยสีแดงเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่ทำให้ลู่หานเขินอายจนหน้าแทบไหม้ และก็ต้องเขินแทบจะตายเมื่อดวงตาคมคู่นั้นช้อนขึ้นมองสบตากัน
            “อ๊า.. แฮ่ก”
            ร่างบางกระตุกพร้อมกับหอบหายใจถี่เมื่อปลดปล่อยเสร็จ ความทรมานที่สั่งสมมาหลายชั่วโมงหายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกสบายตัวขึ้นและเริ่มง่วงนอนขึ้นมาฉับพลัน
            “อย่ากลืนมันนะ..”
            ห้ามยังไม่ทันจบ คนหล่อก็กลืนผลผลิตที่จากฝีมือเขาให้ดูตรงหน้า ลู่หานอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
            “มะ.. มันกลืนได้ด้วยหรอ.. อื้อ”
            ริมฝีปากบางถูกรุกจูบเป็นการตอบคำถามว่ากลืนได้หรือไม่ได้ รสชาติเฝื่อนลิ้นถูกป้อนเข้ามาอยู่ในปากและเหมือนถูกบังคับให้กลืนลงไปด้วยกัน เขาจูบหนักๆสองสามครั้งก่อนจะผละออกไป..

            “นอนซะ อย่าลืมกินยาบนโต๊ะด้วย”
            เสียงทุ้มเอ่ยไล่พร้อมกับใส่กางเกงให้อีกฝ่ายที่ตาปรือง่วงนอนเต็มทน ลู่หานยอมลุกเดินออกไปอย่างว่าง่าย แต่เซฮุนกลับไม่เดินตามออกมาซะอย่างนั้น ร่างสูงขยี้หัวตัวเองอย่างหนักแล้วปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปัง
            เชี่ย.. ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาจินตนาการหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมานานตอนช่วยตัวเอง โคตรเชี่ย แต่ก็นั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าลู่หานเมื่อกี้โคตรฮอต ฮอตจนเขาสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เลยจริงๆ..
            การเริ่มต้นจากเพื่อนสนิทถึงมันจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆในตอนแรก แต่เราก็เริ่มจากการเข้าใจ(ความเหี้ยของ)กันและกันมาก่อน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่ คนที่ทน(ความเหี้ย)ของเราได้มากที่สุดก็คือเพื่อนสนิท(ที่ผันตัวมาเป็นคนรู้ใจ)นี่แหละ

            ใครจะไปคิดวะ ว่าวันนึงจะชอบเพื่อนสนิทตัวเอง
            ใครจะไปคิดวะ ว่ามองดีๆแล้วเพื่อนสนิทแม่งจะโคตรน่ารักน่ากอด
            แล้วใครจะไปคิดวะ ว่าจิ๊กซอว์ที่ตามหามานานแสนนาน จะอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง..

            เออ มันแม่งไม่มีใครคาดคิดหรอก อนาคตเดายากยิ่งกว่าข้อสอบ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ลู่หานกับผมจะได้คบกันเป็นแฟนหรือเปล่า อ่ะ เอาแค่เราสองคนตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้แล้วมองหน้ากันให้ติดก่อนดีกว่า..




            แถมส่งท้าย
            “เอ้าชนๆ”
            เสียงแก้วกระทบกันดังก๊องแก๊งเป็นจังหวะไพเราะ ถ้าคุณมีความสุขจนล้นปริ่มหัวใจ หรือมีความทุกข์ที่อัดอั้นตันใจแทบทนไม่ไหว มีเรื่องเหล้ายังเป็นเพื่อนที่อยู่ข้างคุณเสมอ เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพระ

            สองหนุ่มนั่งดื่มไปพลาง ฮัมเพลงไปพลาง แต่จุดประสงค์ของการนัดดื่มครั้งนี้ก็คือ
            ปรับทุกข์..
            “อะไรนะ ลู่หานขี้หึง? เปล่านะเว้ย ตอนคบกับกูลู่หานไม่ขี้หึงเลยซักนิด”
            “เฮ้ย โกหกน่า”
            “จริงๆ ต่อให้กูหายไปทั้งวันลู่หานยังไม่แม้แต่ระแวง”
            “ผีหลอกแล้ว”
            “ว่าแต่มึงเหอะ ไปทำอะไรให้ลู่หานเค้าระแวง”
            ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมกับไอ้วินกลายเป็นเพื่อนซี้กันไปซะแล้ว จริงๆมันก็เป็นผู้ชายปกติธรรมดามีเหี้ยมีดีเหมือนคนทั่วไปแหละ แต่เวลาอยู่กับแฟนและครอบครัวต้องคีพลุค ลู่หานเลยเจอแต่ด้านที่ขาวสะอาดของมัน ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามเที่ยวดึก โห่ ตอแหลทั้งเพว่ะ

            “กูแค่ไม่อยากให้ลู่หานโมโหอ่ะ คนน่ารักตอนโมโหนี่น่ากลัวสุดๆเลยนะเว้ย มึงเคยเจอลู่หานดาร์กโหมดมั้ยสัส”
            “นี่มึงกลัวเมีย?”
            “เฮ้ย เดี๋ยวเตะปากไอ้ห่า พูดดีๆ”
            ปากหมาจริงครับแฟนเก่าไอ้ลู่เนี่ย
            ครืด ครืด
            โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างแก้วเหล้าสั่นครืดเพราะมีสายเรียกเข้า รูปหน้าจอเป็นคนหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังนอนหลับปุ๋ย.. มือแกร่งรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับอย่างเร่งรีบ ทำให้วินถึงกับหลุดขำออกมา ตอแหลพอกันล่ะมึงเอ๊ย

            “อยู่ไหน”
            “มีเรื่องเหล้าครับ”
            “จะกลับกี่โมง ดึกแล้วนะ”
            “เดี๋ยวกลับแล้ว สี่ทุ่มเคอร์ฟิวไง”
            “เอารถอะไรไป กลับไหวหรือเปล่า ถ้าเมามากก็กลับแท็กซี่นะ”
            “สบายๆ ไม่เมา”
            “ให้มันจริงนะ ถ้ามัวแต่ไปสำมะเลเทเมาจนตื่นไปเรียนไม่ไหวล่ะก็เจอดีแน่”
            “คืนนี้ไปนอนด้วยดิ อยากเจอของดี”
            “อ้าว ไม่หิ้วสาวกลับมานอนด้วยเหมือนคราวนั้นล่ะ”
            “โอ๊ย นั่นเพื่อนคร้าบ”
            “คนคุยเก่า”
            “ย้ำจัง ติดใจอะไรนักวะกับเรื่องเนี้ย วันนั้นมานอนเมาที่หอกูตั้งหลายคน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนเดียวซะหน่อย”
            “อย่ามาทำเสียงโกรธกลบเกลื่อนเลยนะ ไม่ง้อหรอก”
            “แต่ตอนมึงง้อน่ารักที่สุดเลยนะ”
            “งั้นก็กลับมาได้แล้ว”
            “...”
            “คิดถึง..”

            ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีหลังจากเสียงหวานพูดคำๆนั้นจบ หันไปบอกไอ้เชี่ยวินด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม


            “กลับก่อนนะ แฟนโทรตามแล้ว”





END.
#มีเรื่องเหล้า




วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ON THE ROCK - มีเรื่องเหล้า #4

ON THE ROCK #4
- มีเรื่องเหล้า -
{Sehun x Luhan}


ผมได้รู้จักความรักมากกว่าที่ผมเคยรู้จัก




            คนตัวสูงเดินล้วงกระเป๋าตามหลังเพื่อนสนิทตัวเล็กออกมาจากตึกภาคฟิล์ม ต่างคนก็ต่างทำตัวไม่ถูกแปลกๆ เรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรารู้ว่าความรู้สึกระหว่างเราสองคนมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ก็เพราะว่ารู้นี่ไงล่ะถึงได้ทำตัวไม่ถูกกันอยู่แบบนี้..

            “เดี๋ยวไปส่ง” เซฮุนบอกเมื่อเดินมาถึงหน้าตึก ลู่หานสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบปฏิเสธ
            “ไม่เป็นไร กูนั่งวินกลับก็ได้”
            “เย็นแล้ว มันอันตราย”
            ไอ้พีคบอกว่าถ่ายงานแค่ชั่วโมงเดียว แต่รวมเสียเวลากับเราสองคนอีกสองชั่วโมง รวมถึงสั่งพิซซ่ามากินกันสองถาดใหญ่เวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็นย่ำ
            “นั่น มอไซมาแล้ว กูไปนะ”
            คนตัวเล็กลุกลี้ลุกลนวิ่งลงบันไดจะไปโบกวินมอไซหน้ารั้วคณะ แต่ด้วยความรีบกลับทำให้สะดุดขั้นบันไดจนล้มลงไปทั้งตัว
            “โอ๊ย!
            ใบหน้าหวานแหยด้วยความเจ็บ มือน้อยกุมข้อเท้าของตัวเองที่มันปวดตุบๆเหมือนจะพลิก เซฮุนรีบเข้าไปประคองเพื่อนให้ยืนขึ้นแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยืนเองไม่ไหว
            “ไม่เป็นไร กูเดินเองได้”
            ลู่หานยังคงดื้อ เซฮุนจึงลองปล่อยให้คนดื้อยืนด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าอย่าฝืน และก็เป็นไปตามคาด ร่างเล็กล้มทรุดลงไปนั่งกับขั้นบันไดเหมือนเดิม ขนาดยืนยังจะไม่ไหวเลย แล้วจะไปเดินได้ยังไงล่ะนั่น

            “ไงคนเก่ง”
            ปากเล็กคว่ำเบะใส่คนช่างแกล้งช่างเยาะเย้ย
            “ไปส่งกูขึ้นวินมอไซหน่อยดิ”
            “ไม่”
            “งั้น.. ไปเรียกมอไซให้มารับกูตรงนี้”
            “ไม่”
            “เรียกแท็กซี่มาก็ได้!
            “ไม่”

            ลู่หานเม้มปากอย่างโกรธๆ โกรธที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งเจ็บเท้าแล้วก็เถียงเขาอยู่แบบนี้ เสียเปรียบชัดๆเลย.. เสียหน้าด้วย! เซฮุนยืนกอดอกอมยิ้มกับท่าทางโกรธของลู่หาน
            น่ารัก
            คนดื้อยังคงพยายามยันตัวเองให้ยืนขึ้นให้ได้ แต่ยังไงมันก็ไม่สำเร็จเพราะยิ่งขยับขาก็ยิ่งปวดข้อเท้า สุดท้ายก็นั่งหน้ามุ่ยอย่างขัดใจตัวเองอยู่กับขั้นบันไดที่เดิม เซฮุนย่อตัวนั่งยองข้างๆคนขาเจ็บ

            “หายซ่าแล้วใช่มั้ย”
            “...”
            “ทีนี้จะให้กูไปส่งได้หรือยัง”



            สุดท้ายลู่หานก็ยอมให้ผมมาส่งที่หอของมัน แต่ฤทธิ์ของไอ้ลู่ไม่ได้หมดแค่นี้นะ มันยังดึงดันจะเดินขึ้นบันไดหอเองอีกด้วย แหมขอโทษทีเถอะ แค่ยืนยังจะล้มไปใส่ถังขยะเลย เก่งแต่ปากแบบนี้ไงถึงได้น่าเป็นห่วงน่ะ
            ผมช้อนตัวมันขึ้นอุ้มด้วยสองแขนแกร่ง ถ้าจะใช้ไม้อ่อนพูดกันดีๆสุดท้ายก็ได้ยืนเถียงกันไม่จบเหมือนตอนอยู่หน้าตึกภาคฟิล์มนั่นแหละ
            ไอ้ลู่ร้องเฮ้ยเสียงดัง มองซ้ายมองขวาอย่างอายๆที่ผมอุ้มมันประเจิดประเจ้อไม่เกรงใจคนแถวนี้เลย ผมต้องเอาป้ายมาห้อยคอมั้ยว่าเพื่อนผมมันเจ็บขาน่ะ
            “ปล่อยนะไอ้ฮุน อายเค้า”
            “ถ้าขืนยังพูดมากอีกกูจะปล่อยมึงลงถังขยะจริงๆด้วย”
            มันยอมสงบปาก สงสัยกลัวผมทำจริงเพราะหน้าผมกำลังตึงเอามากๆ ลุงยามหน้าหอมองไอ้ลู่ขำๆแล้วอาสาเปิดประตูให้ ผมบอกขอบคุณก่อนจะพาไอ้คนดื้อขึ้นห้อง

            “ไปโรงพยาบาลป่าว” ผมถามเมื่อเราสองคนเข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อย
            “แค่ข้อเท้าพลิกน่าไม่ได้ไส้ติ่งแตก”
            ผมวางลู่หานลงบนเตียงแล้วนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของมัน ค่อยๆประคองข้อเท้าบวมแดงขึ้นมาดูอาการ คงเคล็ดไปอีกหลายวันถึงจะเดินได้
            “กล่องยาอยู่ไหน”
            “บนตู้”
            มือเล็กชี้บอกตำแหน่ง ผมจึงลุกเดินไปหยิบกล่องยาแล้วกลับมาจัดการกับข้อเท้าบวมๆยังกับเท้าช้างของมัน พยายามทำให้เบามือที่สุดเพราะลู่หานบอบบางอย่างกับอะไร ขนาดแค่ผมเผลอจับแขนมันแรงๆยังเป็นรอยแดงเลย ทำคิสมาร์กไปตามปกติที่เคยๆทำก็ยังขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำ ผิวจะบางไปไหน

            นั่งทำแผลให้ไม่นานก็เสร็จ ไอ้ลู่กัดฟันตัวเองไม่ให้ร้องสงสัยกลัวเสียฟอร์ม มือแกร่งกลัดผ้าพันเคล็ดให้เข้าที่ ตรวจเช็คอีกนิดหน่อยเพื่อความเรียบร้อย
            “ทำเสร็จก็กลับไปได้แล้วไป” เสียงหวานเอ่ยไล่ทันที เหมือนอยากหนีหน้าผมยังไงชอบกล
            “ทำอะไร ทำแผล หรือว่าทำ..” สายตาคมมองเลยไปยังผืนเตียง
            “บ้า! ทำแผลสิโว้ย”
            “ว้า ไม่หลงกลว่ะ”
            ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ตามปกติของผมเวลาเล่นมุก แต่มันกลับทำให้ลู่หานหน้าตื่นเหมือนระแวง ผมเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บไว้หลังตู้ที่เดิมก่อนจะกลับมาชี้หน้าสั่งคนดื้อ
            “อย่าเดินไปไหนมาไหนมาก เดี๋ยวไม่หาย ถ้าอยากได้อะไรให้โทรบอกกูเดี๋ยวซื้อขึ้นมาให้ โอเค้”
            “อื้ม ขอบใจนะ”
            “กูไปล่ะ”
            “บาย”
            “ไม่รั้งหน่อยหรอ”
            “ไปไหนก็ไปไป๊!
            เสียงหวานเอ่ยไล่ ลู่หานยิ้มให้กับผมแทนคำขอบคุณและบอกลา.. ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ารอยยิ้มของลู่หานมันจะน่ารักละลายใจถึงเพียงนี้.. รอยยิ้มของมันทำผมเผลอมองไปหลายวินาทีเลยล่ะ สุดท้ายผมก็จำใจละสายตาออกมาจากรอยยิ้มนั้นแล้วเดินออกจากห้องของลู่หานไป
            แต่เดินออกมาไม่ถึงสามก้าวก็ได้ยินเสียงโครมดังมาจากภายในห้องของไอ้ลู่มัน ส่งผลให้ผมที่พึ่งเดินออกมาไม่ถึงห้าวินาทีต้องรีบวิ่งหน้าตื่นกลับไปเคาะประตูห้องมันรัว
            ปังๆๆๆ!
            “ไอ้ลู่! เป็นเหี้ยอะไรว้า!! เปิดประตู!
            ลืมไปว่ามันขาเจ็บเดินแทบไม่ได้ ก็เลยพยายามใจเย็นรอมันมาเปิดประตูให้ แต่ถ้ามันน็อกหัวฟาดพื้นสลบอยู่ล่ะวะ
            “เจ็บตรงไหนรึเปล่า ส่งเสียงให้ได้ยินหน่อยโว้ย!
            “ยังไม่ตาย!” มันตะโกนบอก
            “ออกมาเปิดประตูไหวมั้ย”
            “รอแป๊บนึง”
            ได้ยินเสียงเหมือนมันเตะเข้ากับอะไรบางอย่างตะกุกตะกัก ยืนรออยู่ประมาณนาทีได้มันถึงเปิดประตูให้ผม ไอ้ลู่เกาะขอบประตูแน่นพยายามพยุงตัวเองให้ยืนไว้ พอประตูเปิดอ้าออกผมถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจกับสภาพห้องข้างใน
            “ทำไมสภาพห้องมันถึงได้เละขนาดนั้นฮะ!
            “คือ.. กูแค่จะเดินไปอาบน้ำ แล้ว เสียหลักชนตู้หนังสือล้ม..”
            มันยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอายๆ ผมก็เลยกอดอกพร้อมกับขมวดคิ้วใส่มันอย่างดุๆ นี่ถ้าผมเดินออกไปไกลกว่านี้แล้วไม่ได้ยินเสียงโครม ผมก็คงไม่รู้ว่าไอ้ลู่มันจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง แล้วถ้าเกิดเป็นหนักกว่านี้อย่างเช่นตู้หนังสือล้มทับหรือสะดุดล้มขาหักอีกข้างจะทำยังไงวะ
            “เจ็บขนาดนี้แล้วยังทำปากเก่งไล่กูกลับอีก สำออยกับกูได้ไม่เป็นไร ทีเรื่องอื่นล่ะบ่นได้เป็นวรรคเป็นเวรเชียว มานี่!
            “มะ ไม่ต้องอุ้ม”
            ร่างเล็กหลบหลังประตูไม่ยอมให้อุ้ม
            “ทำไม เกิดหวงตัวอะไรขึ้นมา มึงเจ็บอยู่นะไอ้ลู่ ช่วยดูสภาพตัวเองนิดนึงเถอะว่ะ กูขอ”
            ผมเริ่มหัวเสีย ถ้าผมสังเกตไม่ผิด ลู่หานมันดูหนีผมจริงๆด้วย แต่ไม่ได้เชิงรังเกียจหรืออะไรทั้งนั้น มันแค่เขินจนทำตัวไม่ถูกก็แค่นั้นเอง ก็แหงดิ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน อยู่มาวันหนึ่งดันจูบกัน จูบแบบดูดดื่มจนฉากขาดไปอันนึงด้วย ลู่หานคงยังปรับตัวไม่ถูก จากที่เคยเข้าใจว่าเพื่อนคือเพื่อน แฟนคือแฟน แต่วันนี้คำว่าเพื่อนกับแฟนมันคาบเกี่ยวทับซ้อนกันอยู่ มันคงทำตัวไม่ถูกมั้ง
            ผมชิลๆนะ คนอินดี้อย่างผมน่ะจริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอก คิดอะไรก็แสดงออกไปอย่างนั้น เป็นห่วงคือเป็นห่วง ชอบคือชอบ รักคือรัก แล้วผมก็ดูออกว่าลู่หานกำลังรู้สึกยังไงเพราะเราเป็นคนประเภทเดียวกัน เรื่องนี้เราต่างกันตรงที่ผมปล่อย แต่ลู่หานดันแบกเอาไว้บนบ่าจนมันหนัก ก็เท่านั้นเอง

            “กลัวมันจะเกิดอะไรๆเหมือนตอนอยู่ในสตูฯอีกหรือไง”
            “...”
            “หึ.. มึงเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ”
            “...”

            เงียบแปลว่าใช่..
            แก้มแดงๆนั่นก็แปลว่าใช่ด้วย
            พอมีครั้งแรก ครั้งที่สองก็ตามมาได้ไม่ยาก ผมรู้ แต่ผมไม่ใช่พวกสำส่อนหรือพวกมักมากเอาแต่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจผมก็ไม่บังคับ(ยกเว้นบรรยากาศพาไป) ผมรู้ว่าลู่หานกลัวอะไร ถ้าเปรียบก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยกับเสือป่ามากประสบการณ์ล่าเหยื่อ ยิ่งอยู่ในห้องกันสองต่อสองมันก็ยิ่งสุ่มเสี่ยง โอเค้ ถึงผมจะช่ำชองเรื่องพรรค์นั้น แต่ผมก็มีสติแยกแยะว่าเวลาไหนควรไม่ควร อย่างเช่นตอนนี้ที่ลู่หานกำลังเจ็บ ผมจะไปทำอะไรมันได้วะ มีแต่ความเป็นห่วงจนเริ่มหงุดหงิดที่มันเอาแต่ผลักไสไม่ยอมให้ผมช่วยมันเนี่ย
            ในเมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง มันก็ต้องใช้ไม้แข็งแล้วล่ะว่ะ ดื้อๆอย่างนี้ต้องกำราบ ไม่ใช้อ่อนข้อให้ได้ใจ

            ผมจ้องหน้าลู่หานนิ่ง พร้อมกับเอ่ยเสียงแข็ง
            “ถ้ามึงดื้ออีก กูจูบแน่”
            “เฮ้ย!
            ร่างเล็กลอยหวือขึ้นจากพื้นด้วยสองแขนแกร่ง ผมใช้เท้าเตะปิดประตูห้อง ก่อนจะพาคนไม่เจียมสังขารยัดเข้าไปห้องน้ำ มือเล็กปัดป่ายดันหน้าตบตีทึ้งหัวผมไปทั่ว ล่าสุดคือเอาเล็บข่วนหน้าผม เดี๋ยวปั๊ด
            “กูอาบเองได้!
            ผมวางลู่หานลงก่อนจะเดินออกไปหยิบเก้าอี้เข้ามาให้มันนั่งอาบน้ำ ลู่หานยังคงทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจอะไรเลยสักอย่าง
            “ถ้าโวยวายอีกกูจะเข้ามาอาบให้”
            “ไอ้..”
            “กูจะออกไปเก็บของ อาบเสร็จแล้วเรียก”
            มันทำหน้ามุ่ยพร้อมกับขมุบขมิบปากบ่นไม่ออกเสียง แต่ผมอ่านปากมันออกว่ามันด่าผมว่า ไอ้คนชาติชั่ว ผมจึงเดินไปยังประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มๆไว้อยู่ แต่ผมไม่เดินออกไป กลับยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องน้ำมองดูมัน ลู่หานคงคิดว่าผมเดินออกไปแล้วถึงได้เริ่มปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนกระทั่งถึงเม็ดล่างสุดมันถึงค่อยรู้สึกตัวว่าผมยังคงยืนอยู่ไม่ได้ไปไหน ร่างเล็กสะดุ้งจนตัวโยนแล้วรีบจับขอบเสื้อเข้าหากัน
            “ออกไปสิ!
            “แก้ผ้าให้กูดูรอบสองแล้วนะ”
            ผมพูดยียวน มือแกร่งปิดประตูห้องน้ำก่อนจะผิวปากอย่างกวนๆ โดยทิ้งให้คนหน้าหวานนั่งแก้มแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกอยู่ข้างในนั้น

            “กูไปแก้ผ้าให้มันดูตอนไหนวะ..”
            ดวงตากลมโตกลอกซ้ายขวาไปมาอย่างครุ่นคิด
            “หรือจะเป็นตอนเมา”
            สองมือน้อยยกขึ้นปิดร่างกายตัวเองอย่างอายๆ

            “วินยังไม่เคยเห็นเลยนะเว้ย ไอ้ชั่ว!
.
.



            กว่าจะเก็บกวาดห้องจนสะอาดเรียบร้อยและจัดการคนดื้อดึงให้มาอยู่บนเตียงด้วยชุดนอนก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ผมเสตามองลู่หานที่นั่งเล่นเกมอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ในขณะที่ผมนั่งเหงื่อท่วมตัวและหัวฟูชิบหายเพราะพึ่งเก็บของ(ที่แม่งพังห้อง)เสร็จ
            แค่มันไม่ดื้อไม่เถียงให้ผมเหนื่อยเพิ่มก็ขอบคุณแล้วล่ะ ผมถอนหายใจก่อนจะลุกไปอาบน้ำ ยืมเสื้อผ้ามันนี่แหละง่ายดี ขี้เกียจกลับห้อง

            สิบนาทีต่อมาผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงผ้าขายาวตัวเดียว เสื้อของไอ้ลู่ผมใส่ไม่ได้ ขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดของมันผมยังใส่ไม่ได้เลย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะปกติผมก็ไม่ใส่เสื้อนอนอยู่แล้ว
            ลู่หานกะเด้งตัวขึ้นจากเตียงเมื่อเห็นสภาพกึ่งเปลือยของผม ดวงตากลมโตนั้นแทบถลนออกนอกเบ้า
            “ไปใส่เสื้อเดี๋ยวนี้!
            “มึงจะเสียงดังให้ข้างห้องเค้ามาด่าหรือไง เสื้อมึงกูใส่ไม่ได้ซักกะตัว”
            “ใส่ตัวเดิมสิ”
            “เหม็นเหงื่อ ขยับไปดิ้จะนอน”
            “ใครให้นอนด้วย”
            “อ้าว ไม่ให้นอนข้างๆ จะให้นอนบนตัวคุณหรือไงครับ”
            “ทะลึ่ง! ลงไปนอนข้างล่างนู่น”
            มือเล็กโยนหมอนอีกใบให้ผมรับ ผมก็รับไว้ แต่ก็โยนมันกลับไว้บนเตียงเหมือนเดิม
            “กูเจ็บเท้าอยู่นะ”
            “โอ๊ย.. ปวดเนื้อปวดตัวจะแย่”
            ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเอนตัวนอนลงบนเตียงข้างๆลู่หาน กำปั้นเล็กชกไหล่ผมทีนึง ลามมาชกตามเนื้อตามตัวผมอย่างโกรธๆ แต่แรงแค่นั้นเหมือนกำลังนวดตัวให้ผมมากกว่า

            “สระผมมาหรอ นอนแบบนี้เดี๋ยวหมอนกูก็เปียกหรอก” อยู่ๆไอ้ลู่ก็บ่น คนจะน๊อน
            “อะไรนักหนาวะ”
            “ลุกขึ้นมาเลย”
            มันมองผมตาเขียว ท่าทางเอาเรื่องสุดๆ ผมทำหน้าเซ็งนิดหน่อยแต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่ง มันสั่งให้ผมหยิบผ้าเช็ดตัว ผมก็หยิบมา และมือเล็กนั้นก็คว้าแย่งผ้าเช็ดตัวไปจากผมดื้อๆ

            “นอนไปทั้งแบบนี้ตลอดเลยหรอ หวัดไม่กินเอาก็บุญแค่ไหนแล้วเนี่ย”
            เสียงหวานยังคงบ่นไม่หยุดพร้อมกับใช้ผ้าซับน้ำเปียกๆจากเส้นผมของอีกฝ่ายไปด้วย
           
            “กูขอโทษนะที่.. วันนี้เอาแต่ใจไปหน่อย”
            “ไม่หน่อยล่ะ”
            “เออ ขอโทษ” ลู่หานทำเสียงง้อๆ
            “กราบตีนเลยมา”
            “คุยกันดีๆได้ไม่เท่าไหร่ก็กวนตีนอีกแล้วนะ”
            ผมหัวเราะ ผมชอบแหย่มันเล่น ว่าเวลามันโกรธน่ะน่ารักดี สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเสพติดการอยู่ข้างๆมัน การอยู่กับลู่หานผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะดีขนาดนี้ มันรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมายเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงไม่เคยคิดถึงหลินอีกหลังจากเลิกกัน
            เพราะผมแม่งเจอจิ๊กซอว์ตัวที่พอดีกับผมแล้วไงล่ะ..
           
            “อ่ะ ผมแห้งแล้ว นอนได้”
            “ลู่หาน”
            “อะไร”
            “มึงยังคิดถึงวินอยู่ป่ะวะ”
            “...”
            ผมหันไปถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าของลู่หานดูนิ่งอึ้งไปและคงไม่คาดคิดว่าผมจะถามคำถามนี้ออกมาในเวลานี้

            “ถ้ากูบอกว่าไม่คิดถึง แต่ก็ยังไม่ลืมวินล่ะ”
            “เออ ช่างแม่ง ถือว่ากูไม่ได้ถามละกัน นอนเหอะ นอนๆ” ผมตบหมอนปุๆอย่างโคตรเซ็ง
            “ฟังให้จบก่อนดิ”
            “ง่วงๆ”
            “คือวินเป็นแฟนที่ดีมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะจบกันไม่สวย แต่ครั้งหนึ่งเราก็เคยรักกัน เหมือนมึงกับหลินไง ถึงจะเลิกกันไปแล้ว แต่หลินก็ยังอยู่ในความทรงจำของมึงใช่มั้ยล่ะ”
            “เออ รู้แล้วว่าเคยรักไอ้วิน รักมากกกก”
            “นี่ประชดหรอ”
            “ได้เวลานอนแล้ว นอนเว้ยนอน”
            “ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย เมื่อกี้พูดไปไม่เข้าหูเลยใช่ป่ะ”
            ลู่หานยังคงบ่น ผมเลยจับแก้มนิ่มทั้งสองข้างแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้จนปากผมจ่อกับปากเล็กๆจิ้มลิ้มที่หยุดขยับบ่นชั่วคราว เพราะถ้าหากลู่หานพูดอีกแม้แต่คำเดียว ปากมันสัมผัสกับปากผมแน่ๆ ตาโตๆนั้นถลึงมองผมอย่างตกใจ

            “บอกแล้วไง ถ้าดื้อกูจูบ”
            “...”
            “นอนได้แล้ว”
           
            ตากลมสวยกระพริบสองสามครั้ง มือเล็กทุบอกเปลือยเปล่าของผมพร้อมกับผลักออกอย่างแรงจนร่างของผมหงายหลังตกเตียงดังตึง อ้าว จะเล่น
            ผมปีนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วแล้วดึงผ้าห่มออกจากหัวของไอ้ลู่ที่ทำทีเป็นหลับหนี ง่วงไวจังเนาะ เมื่อกี้ยังผลักกันจนเอวแทบเคล็ด มือแกร่งจัดการจั๊กจี๋ที่เอวคนช่างกวน ลู่หานสะดุ้งพร้อมกับดิ้นพราดๆอยู่บนผืนเตียงนุ่ม เสียงหวานหัวเราะพร้อมกับกรีดร้องไปมาบอกให้ผมหยุด
            “ไอ้ฮุน! พอได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว”
            “แค่นี้ก็จะยอมแล้วหรอ”
            “ยอมแล้ว เหนื่อย”
            “หอมแก้มก่อนถึงจะหยุด”
            ลู่หานยืดตัวขึ้นมาหอมแก้มผมทันที ผมยิ้มและยอมหยุดตามสัญญา ก่อนจะโน้มตัวลงไปฝังจมูกบนแก้มเนียนของมันดังฟอด ใบหน้าหวานยิ้มเขินๆก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ในขณะที่ผมยังคงนั่งยิ้มไม่หุบ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาจมูกเขินๆ

            ทำไมแม่งโคตรรู้สึกดีเลยวะ.. ดีกว่าการมีเซ็กซ์กันก่อนนอนซะอีก บางครั้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดกับหลินเหมือนกันนะที่ให้ความสุขกับเขาได้เพียงแค่นั้น เพราะตอนนี้ผมได้รู้จักกับความรักมากกว่าที่เคยรู้จัก 
            ความสุขทางกายกับทางใจมันแตกต่างกันมากจริงๆ..
           
           

            เช้าวันต่อมา เราสองคนก็พบกับกระดาษเอสี่หนึ่งแผ่นที่ถูกสอดเข้ามาใต้ช่องเล็กๆของประตูห้อง มีตัวหนังสือถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ แต่เสือกอ่านแล้วหวัดจะแดก

          ถ้าจะมีอะไรกัน คราวหลังเลื่อนหัวเตียงออกจากผนังด้วย กูนอนไม่หลับครับ olo’

            ลู่หานอ้าปากค้าง แก้มกลมแดงเถือกไปจนถึงใบหู ในขณะที่ผมยืนขำในลำคอด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม สงสัยจะเป็นตอนที่ผมจั๊กจี๋มันแล้วมันก็ดันดิ้นพราดๆชนนู่นนี่จนเตียงสั่นไปถึงห้องข้างๆเลย
            “ขำไร มีไรน่าขำ”
            ผมเบ้ปากไม่รู้ไม่ชี้
            “เป็นเพราะมึงคนเดียวเลย!

            อะไรฟะ จูบยังไม่ได้จูบเลย แม่งเขียนเกินจริงอ่ะ


.
.
.


            เป็นเพราะเท้าลู่หานเจ็บกลุ่มของเราก็เลยลดละเลิกจากมีเรื่องเหล้าเป็นอาทิตย์(ถือว่านาน) ความสัมพันธ์ของผมกับลู่หานเพื่อนๆแม่งก็รู้แหละ ปิดอะไรพวกมันได้ล่ะ ก็ผมเล่นตามดูแลไปรับไปส่งมันตลอดตอนที่มันเจ็บเท้า ส่งในที่นี้คือส่งถึงหน้าห้องเรียนและหน้าห้องนอน แถมงานของไอ้พีคที่ผมกับลู่หานไปถ่ายกันวันนั้นดันได้เอบวก รูปผลงานถูกติดโชว์ที่บอร์ดใหญ่เด่นหราเลย ไม่รู้ก็ควายครับ
            จนกระทั่งเท้าลู่หานหายเจ็บและเดินได้เป็นปกติผมถึงได้เลิกกิจวัตรตามดูแลแบบใกล้ชิด แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงไปรับไปส่งอยู่เกือบทุกวัน เราต่างให้อิสระต่อกันและกันเสมอ ผมไม่ได้ตามหึงหวงมาก ลู่หานเองก็เช่นกัน แต่มีครั้งหนึ่งที่ผมจำได้ขึ้นใจเลย ลู่หานแอบมาเห็นไลน์จากผู้หญิงที่ส่งมาหาผม(ผมไม่ได้ให้ ไปเอามาจากไหนกันก็ไม่รู้) ลู่หานงอนผมเป็นชั่วโมงเลย เราคุยกันนะว่าอะไรเป็นอะไร ผมอธิบายว่าผมไม่รู้ ไม่ได้ให้ จะเอาเวลาไหนไปให้ก็อยู่ด้วยกันตลอด ลู่หานเองก็ฟังและเข้าใจนะ แต่มันเสือกอารมณ์ขึ้นโกรธไม่หายซะที หนึ่งชั่วโมงที่มันงอนผมผมเอาแต่ยิ้มแล้วก็ลูบหัวมันเล่น ผมรู้สึกว่าแม่งโคตรน่ารักอ่ะ ทั้งน่ารักทั้งน่าขำ

            “ใจลอยอะไรครับนักศึกษา เส้นเบี้ยวลงแม่น้ำแล้ว”
            “โอ๊ย! ผมเจ็บนะจารรรรรรรย์”
            ปลายดินสอEEของอาจารย์เคาะหัวผมดังป๊อก ไอ้เพื่อนข้างๆผมหลุดขำคิก
            “รีบทำรีบเสร็จเว้ย จะได้รีบไปหาคนที่ใจมึงลอยไปหาเค้าไง”
            “รู้ดี”

            ขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง ผมกับเพื่อนในเซคยี่สิบกว่าคนกำลังนั่งร่างแบบอยู่ในห้องไม่ไปไหนตั้งแต่บ่าย เพราะงานไม่เสร็จ พวกเราแม่งก็ดื้อไม่ยอมไปไหน อาจารย์จึงจำเป็นต้องอยู่เฝ้าจนกว่านักศึกษาจะกลับกันหมด
            โทรศัพท์ผมสั่นแล้วสั่นอีก ทั้งไลน์ ข้อความ และสายเรียกเข้า แต่ผมก็คว้ามือไปรับไม่ได้เพราะมัวแต่ปั่นงานจนหน้ามืดอยู่ ก็พวกแพนนั่นแหละที่โทรมาตามเพราะวันนี้เรานัดกันไปมีเรื่องเหล้าหลังจากที่ห่างหายกันไปอาทิตย์กว่าๆ เวลาป่านนี้แล้วพวกนั้นคงไปรวมตัวกันที่ร้านแล้วมั้ง..
           




            มีเรื่องเหล้า
            “ไอ้ฮุนไม่รับว่ะ สงสัยปั่นงานอยู่”
            แพนบอกพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ “สั่งอะไรกินก่อนเลยดีกว่า ไม่ต้องรอมันหรอก เสร็จแล้วเดี๋ยวก็คงตามมาอ่ะแหละ เนอะไอ้ลู่”
            “อะไร ทำไมต้องมาเนอะกูด้วยเล่า”
            “จ้องโทรศัพท์จนตาจะพรุนอยู่แล้ว รู้แล้วค่าว่าอยากเจอมากกก”
            “คิดถึงเซฮุนจังเลยยย ฮือๆ”
            “หุบปากทั้งคู่เลย ไหนว่าจะสั่งอะไรมากินไง”
            ผมเปิดเมนูทำทีเป็นสนใจตัวหนังสือในเล่มมากๆเพื่อหลบสายตาล้อเลียนของพวกมัน เวลาที่ไอ้ฮุนอยู่มันพอจะห้ามปรามได้บ้าง แต่พอผมอยู่คนเดียวทีไรโดนเละทุกทีเลย
           
            เราสั่งอาหารและสั่งเหล้ากันไปพอหอมปากหอมคอ นั่งฟังเพลงเม้าท์แตกนินทาคนอื่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมยกนาฬิกาข้อมือดูอีกทีก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว พวกเราปั่นงานจนลืมกินข้าวลืมเวลานอนเป็นปกติ แต่ไอ้ฮุนไม่น่าหายเงียบไปแบบนี้เลย คนอื่นเค้าเป็นห่วงรู้มั้ย..

            “เฮ้ย ไอ้ลู่ เบาๆก่อน กระดกซะขนาดนี้เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มลงบ่อน้ำข้างๆนี่หรอก”
            ผมไม่รู้ตัวว่าผมยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกมากี่แก้วแล้ว พอแพนทักถึงได้รู้สึกตัว และรู้สึกว่าตัวเองมึนหัวหนักซะแล้วอ่ะ
            “ไอ้ฮุนนะไอ้ฮุน โทรศัพท์มีไว้ทับกระดาษรึไง”
            มิ้นท์ลูบหัวผม

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็มาเนอะ”



.
.


            ห้าทุ่มสี่สิบ..
            ร่างเล็กฟุบหัวลงกับโต๊ะ ในขณะที่มนุษย์เพื่อนคนอื่นๆออกไปแด๊นซ์กันสนุกสนาน เครื่องมือสื่อสารสั่นครืดอยู่ภายในกระเป๋าย่ามที่ถูกวางไว้บนเก้าอี้ข้างๆ ส่งผลให้คนเมาไม่รับไม่รู้อะไรทั้งสิ้นว่ามีคนโทรเข้ามา
            ในร้านปิดไฟมืดเกือบสนิท แสงไฟหลากสีฉายวิบวับไปมาบนฟลอร์เต้น ชายหนุ่มคนหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มสองแก้วตรงเข้ามาหาคนน่ารักที่ฟุบหัวเมาไม่เป็นท่า พอลู่หานได้ยืนเสียงเก้าอี้ครูดกับพื้นก็รีบกระดกหัวขึ้นมาด้วยความหวัง แต่แววตาแห่งความหวังนั้นกลับแปลเปลี่ยนเป็นความตกใจเมื่อพบว่าเขาคือแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายอาทิตย์

            “วิน..”
            “นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว เพื่อนไปไหนหมดล่ะ”
            แก้วน้ำสีอำพันแก้วหนึ่งถูกยัดใส่มือเล็ก ชายหนุ่มยื่นแก้วของตนไปชนกับแก้วของลู่หาน ราวกับจะบังคับให้ดื่มกลายๆ..

            “เต้นนนอยู่ตรงนู้นอ่ะ”
            เสียงหวานยานคางและพูดแทบไม่เป็นภาษา ทำให้เขารู้ว่าคนตรงหน้านี้เมามากแล้ว
            “งั้นเดี๋ยววินนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ”
            “...”
            “ดื่มสิ”
            “อึก”
            คนตัวเล็กดูเหมือนจะประคองสติไม่ค่อยอยู่แล้วด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ เขาจึงจับแก้วจ่อริมฝีปากจิ้มลิ้มแล้วพยายามเอาเหล้ารสชาติแปร่งกรอกปาก ร่างบางไอค่อกแค่กจนตัวโยน เหล้าบ้าอะไรทำไมถึงได้ทำให้มึนหัวหนักแล้วก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวขนาดนี้..

            ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเมื่อลู่หานเซลงมาซบอกของเขาพร้อมกับกายบางที่เริ่มสั่นเล็กน้อยและมีเหงื่อซึมตามไรผม เสียงทุ้มเข้มที่เคยอบอุ่นเสมอกระซิบข้างหูแผ่วเบา


            “เดี๋ยววินไปส่งที่ห้องนะ”




            TBC.
            #มีเรื่องเหล้า