ON THE ROCK #2
- มีเรื่องเหล้า -
{Sehun x Luhan}
'ใครจะอยากเป็นตัวแทนวะ.. นอกจากผม'
“หลินบอกว่ากูอินดี้เกินไปว่ะ
อีกอย่างเราทะเลาะกันบ่อยเกินไป รวมๆแล้วหลินบอกว่าเรายิ่งคบยิ่งไม่เข้าใจกัน
ก็เลยปล่อยมือกันดีกว่า”
“โดนทิ้งว่างั้น”
“เค้าเรียกว่าจากกันด้วยดี อีห่า”
ผมด่าแพนจนมันหน้าสั่น
แต่มันคงไม่ถือสาอะไรเพราะเห็นว่าพึ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ
คลับฟรายเดย์จำเป็นถอนหายใจกันออกมาเฮือกแล้วผินหน้าไปหาลู่หานที่นั่งเหม่ออยู่อีกฝั่ง
“แล้วมึงล่ะ
คู่มึงนี่ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกันมากกว่าคู่ของไอ้ฮุนอีกนะ”
“เรื่องมือที่สามอ่ะ”
“อ้าวเฮ้ย
นี่อย่าบอกนะว่าไอ้วินมีกิ๊ก” ดาอึนตบโต๊ะดังปัง
“กูเนี่ยดันกลายเป็นกิ๊กของวินซะเอง
วินมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ครอบครัวเค้าจับคู่ไว้ให้ตั้งแต่เด็ก
ยังไงเรียนจบก็ต้องแต่งงานกัน ผู้หญิงเค้าก็เลยมาคุยกับกูบอกให้เห็นแก่อนาคตของวิน
รีบเลิกจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้”
“มึงนี่ก็นางเอกเนอะ
ยอมถอยออกมาง่ายๆเลย”
“ก่อนถอยกูด่ายับทั้งคู่เลย
เล่นกับใครไม่เล่น”
“เออ! ต้องงี้ดิวะ!”
มิ้นท์ปรบมือเหมือนเชียร์มวย
หากแต่ลู่หานกลับนั่งทำหน้าหงอยไม่ได้ดูสะใจอะไรเลยสักนิด
ดูจมอยู่กับความทุกข์ในใจจนทุกคนสังเกตได้
ผมเข้าใจว่าอาการพึ่งเลิกกับแฟนมันเป็นยังไงเพราะผมก็เป็นอยู่ มันเหงาๆเหมือนมีอะไรขาดหายไป
อะไรที่เคยมีเคยสัมผัสอยู่ทุกวันมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว โหวงๆแปลกๆ ยิ่งจบไม่ค่อยดีแบบลู่หานแล้วก็เหมือนหกล้มแล้วได้แผล
มันไม่ได้จบเหมือนความสัมพันธ์ แต่ยังมีแผลฝากไว้ให้เจ็บปวดอยู่ตลอด
“เย็นนี้ไปมีเรื่องเหล้ากันเหอะ”
ลู่หานชวน
“กูไป” ผมตอบรับอย่างไว
“เมื่อคืนพวกกูก็พึ่งไปมานะคะพวกมึง
เนี่ย ตอนนี้ยังคลื่นไส้อยู่เลย”
“เออ เมาปลิ้นเลย
เกือบมาเรียนไม่ได้เนี่ย”
“งั้นพวกมึงไม่ต้องไปก็ได้
เดี๋ยวกูไปกับไอ้ฮุนสองคน”
“ปล่อยคนอกหักไปแดกเหล้าด้วยกันสองคนก็บ้าแล้ว
คงพากันหัวทิ่มบ่อน้ำใกล้ๆร้านเหล้าเนี่ย อีแพน มึงเป็นคนที่เมาน้อยที่สุด
เพราะงั้นมึงไปดูพวกมันหน่อยละกัน พวกกูขอพักตับก่อนค่ะ”
“เออ ได้ๆ
กูล่ะเห็นใจพวกมึงสองคนจริงๆ ดั๊นมาอกหักพร้อมกันอีก”
ก็นั่นน่ะสิ..
ยังกับเป็นโชคชะตาอะไรบางอย่างเลย
อย่างน้อยก็ไม่ได้อกหักคนเดียว
ไม่ได้เสียใจคนเดียว ผมยังมีเพื่อนที่อกหักเป็นเพื่อนกัน
ไอ้ลู่หัวชมพูที่หน้าหงอยไปสามเบอร์นี่ไงล่ะ..
มีเรื่องเหล้า
แพนโทรมาบอกว่าท้องเสียจะมาช้านิดหน่อย
ผมก็เลยรับไอ้ลู่ซ้อนมอไซมาร้านเหล้าด้วยกันก่อนเพราะวันนี้วันศุกร์
เดี๋ยวโต๊ะจะเต็ม เด็กมหาลัยนี่ก็แปลกอย่างหนึ่ง สอบผ่าน สอบตก หมาคลอดลูก รับน้อง
บายเนียร์ อกหัก ผัวทิ้ง ทุกอย่างจะมาจบกันที่ร้านเหล้าหมด
ทำให้ร้านเหล้าใกล้มหาลัยนี่ขายดิบขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่า
ร้านมีเรื่องเหล้าเป็นร้านประจำของพวกผมและเด็กสถาปัตย์
เจ้าของร้านก็เป็นรุ่นพี่สถาปัตย์นี่แหละครับ เป็นร้านขนาดกลางๆแต่บรรยากาศโคตรดี
ลำโพงตัวใหญ่ตั้งไว้ไกลจากโต๊ะนั่งพอสมควรให้เราได้นั่งคุยกันสมชื่อร้านมีเรื่องเล่า(เหล้า)
ผมกับลู่หานเลือกที่นั่งติดริมน้ำ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากสั่งเหล้ามาขวดนึงก่อนรวมกับมิกเซอร์อีกห้าขวด
“พูดอะไรบ้างดิ”
เพราะไอ้ลู่เอาแต่นั่งซดเหล้า ไม่พูดไม่จาอะไรเลยตั้งแต่มาถึงร้าน
“ยุงเยอะ”
“ไอ้เชี่ย”
“ไร”
“ซดเหล้าต่อไปเหอะ ไม่กวนละ”
ผมโบกมือไล่ มันก็เลยขำออกมานิดหนึ่ง
“ขอโทษนะ แต่กูยังเฮิร์ตอยู่ว่ะ คือกูไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหนักขนาดนี้เลยนะไอ้ฮุน
ผู้ชายห่วยๆมันมีค่าอะไรให้กูเสียดายนักหนา..”
“มึงเสียดาย หรือแค่เหงา”
“ทั้งสองนั่นแหละ”
“ถ้าไอ้วินมาง้อ มึงจะยอมคืนดีมั้ย”
“...”
ลู่หานเงียบไป..
นี่ผมหาเรื่องให้เพื่อนคิดหนักกว่าเดิมหรือเปล่า
“ตอบไม่ได้ก็ชนนนนน”
“สัตว์ปีก”
“ด่ากูเป็นผีเสื้อหรอ”
“อีแร้ง”
ผมหัวเราะก๊าก ก่อนจะยื่นแก้วไปชนแก้วกับไอ้ลู่เป็นสัญญาณบอกว่าซดหมดแก้ว
ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เพราะการที่เราสองคนมาร้านเหล้าก็เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวคืออยากเมา
“แล้วมึงล่ะ อยากรีเทิร์นกับหลินมั้ย”
“หลินก็เด็ดนะ.. หุ่นอย่างเอ็กซ์”
“มึงรักเค้าหรือรักนมเค้า ไอ้บ้า”
“คบกันมาตั้งนาน ก็ต้องรักหลินดิ”
“อ่าฮะ”
“แต่คงไม่รีเทิร์นว่ะ”
“ทำไมอ่ะ”
“กูว่าหลินเค้าไม่ได้จริงจังกับกูเท่าไหร่
แค่กูหล่อ แล้วก็ทุ่มให้เค้ามากกว่าแฟนคนอื่นๆที่ผ่านมาของเค้า
เรามีอะไรกันแบบสนุกๆ ไม่ได้มีอะไรกันแบบคนรักกันเลย”
“แปลว่ามึงเองก็ทำใจมานานแล้วดิ
ดูเหมือนว่ามึงจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากกว่าตอนที่คบกันอีกนะ”
“พอถอยออกมาก้าวนึง
มันยิ่งเห็นอะไรกว้างขึ้นไง”
“อือ..”
“แล้วมึงล่ะ
ถอยออกมาก้าวนึงแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
“...”
ลู่หานเงียบไปอีกครั้ง
ผมเห็นน้ำตาคลอในดวงตากลมๆโตๆของมันแต่ผมก็ไม่ได้ชวนมันชนแก้วหรือพูดมุกตลกให้มันรู้สึกดี
ผมแค่นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนมัน จนกระทั่งมันก้มหน้าแล้วร้องไห้ออกมา..
แพนมาถึงพอดี
มันตกใจใหญ่ที่เห็นลู่หานนั่งร้องไห้แต่ผมกลับนั่งซดเหล้ามองดาวบนฟ้าพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
ไอ้แพนฟาดมือเข้าที่ไหล่ของผมดังป๊าบแล้วเดินอ้อมไปโอ๋ไอ้ลู่
“อย่าร้องไห้เลยนะมึง
ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก หาใหม่ได้เว้ย”
“ทำไงกูถึงจะลืมมันได้วะ”
“หาแฟนใหม่!”
ผมสะกิดแพนให้เลิกโอ๋มันแล้วบอกให้มานั่งเก้าอี้
“อย่าพึ่งยุอะไรมันตอนนี้ เดี๋ยวแม่งก็ทำจริงหรอก”
“แล้วจะปล่อยให้มันนั่งร้องไห้งี้หรอวะ”
“เห็นแม่งตาแดงๆเหมือนอั้นมาตั้งนานแล้ว
ให้มันร้องไปเถอะ”
‘อย่าลืมความจริงที่เธอเคยทิ้งเราไป
อย่าลืมความจริงที่มันไม่มีทาง กับความรักที่เราต้องเจ็บและใช้น้ำตาล้างทุกอย่าง
ให้ลบเลือน อย่าลืมว่าความจริงเป็นอย่างไร’
“ฮือออออออออออออออออออออออ”
ลืมบอกไปว่าเพลงร้านมีเรื่องเหล้านี่แม่งจี๊ดจริงครับ..
อกหักนี่ลืมตายเลยทีเดียว
‘คนอย่างฉันถูกโยนนนนนน
ทิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ขว้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’
ไอ้ลู่ปาดน้ำตาแล้วเริ่มชูแก้วเหล้าขึ้นฟ้า
ร้องเพลงเสียงดังลั่นร้าน
“เธอเก่งที่ทำให้ฉันยังจำเธอไม่ลื้มมมม
เธอเก่งที่ทำให้ฉันดื่มด่ำกับความทุกข์ทนนนนนน”
ผมไม่ได้นั่งขำมันเพราะมันร้องเพลงทั้งน้ำตา
ออกแนวสงสารซะมากกว่า ส่วนไอ้แพนนี่ปิดปากกลั้นขำตัวเกร็งไปแล้ว
“ไอ้ลู่ หยุดร้องไห้เถอะ”
“อะไรใครร้อง
ที่เธอเห็นแค่ฝุ่นมันเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องไห้”
“อีดอก”
“แพนนนนนนนน กูร๊ากกกกกกมึงงงงงงง”
“เมาแล้วจ้าเพื่อนกู”
แขนบอบบางโอบกอดเพื่อนแพนอย่างเต็มรัก
ไม่รู้ว่าไอ้ลู่กระดกไปกี่แก้วแล้ว แต่เหล้าหมดไปหนึ่งขวดถ้วนด้วยฝีมือมันแทบจะล้วนๆเพราะผมแค่นั่งจิบส่วนแพนไม่ดื่ม
ไม่เมาก็ไม่รู้จะว่ายังไง
มันหยุดร้องไห้แล้วและเปลี่ยนมานั่งเอาหัวพิงขอบระเบียงแทน อาการเมาหนักหัวผสมอกหัก
“ต่อมั้ย” ผมถาม
“เอาดิ”
ไอ้ลู่ตอบทันทีพร้อมกับผงกหัวขึ้นมาจากขอบระเบียง
ผมยกมือสั่งเหล้าและจ่ายค่าเหล้าเสร็จสรรพ
เรื่องเงินค่อยไปเคลียร์กันทีหลังตอนนี้ผมออกไปก่อน
แต่ถ้าจะไม่จ่ายคืนก็ไม่เป็นไรหรอก ผมรวย แถมยังมีเพื่อนอกหักกินเหล้าเป็นเพื่อนกันอีก
ดีจะตาย..
ผมนั่งเท้าคางกรึ่มๆ
ส่วนไอ้ลู่ก็นั่งเท้าคางอยู่ฝั่งตรงข้าม เรามองสบตากันเศร้าๆเหงาๆ
เห็นผมดูสบายดีกว่าไอ้ลู่แต่ในใจผมเจ็บนะ
ผู้ชายเวลาเลิกกับแฟนมันไม่ฟูมฟายหรอกครับ
แต่จะนั่งซึมกะทือแล้วพยายามทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ในใจแม่งเป๋ไปหมดแล้ว
ป๊าบ!
“เจ็บนะสัส!”
ไอ้ลู่ครับ
อยู่ดีๆก็ยื่นมือมาโบกหัวผมดังป๊าบ
“หน้าหงอยๆมันไม่เหมาะกับมึงเลย
กูไม่ชิน”
“เอ้า”
“กูรู้ว่ามึงก็เจ็บ แต่เพลงในร้านมันมันส์เหี้ย
จะมัวนั่งหงอยเหมือนเค้าเปิดเพลงบัลลาดได้ไง” ช่วงดึกๆจะเปลี่ยนจากเพลงเศร้าเป็นเพลงสนุกๆครับร้านนี้
“นี่ชวนกูแด๊นซ์?”
“กล้ามั้ยล่ะไอ้หัวถ่าน”
“เอาเด้!”
สิ้นเสียงตอบรับ
ผมกับไอ้ลู่ก็ลุกขึ้นแล้ววาดลวดลายใส่กันแบบไฟลุก
โดยที่มีไอ้แพนนั่งหัวเราะถ่ายคลิปเราสองคนอยู่ที่โต๊ะ
เราชนแก้วกันไปไม่รู้กี่แก้ว เต้นด้วยกันไม่รู้กี่เพลง หัวเราะจนเจ็บคอไปหมด
จนกระทั่งร้านเหล้าปิด
พวกเราถึงได้ฤกษ์กลับกัน
.
.
“ไอ้ลู่!
เดินดีๆหน่อยเซ่ กูหนักนะคะ!”
ผู้ที่โดนหิ้วปีกโดยผมกับไอ้แพนเดินแข้งขาอ่อนปวกเปียกพันกันไปหมด
แถมยังหัวเราะคิกๆไปตามทางเดินในหอพัก ผมจับไอ้ลู่ที่เมาปลิ้นซ้อนเวสป้าแล้วพากลับมาที่หอพักของมันอย่างทุลักทุเลโดยที่มีแพนขี่มอไซของมันตามมาช่วยเก็บคนเมาอีกแรง
ไอ้ลู่เมาชิบหาย เมาฟัคยู เมาไม่เหลือหมา เมาจนลืมชื่อตัวเองแล้วมั้ง ส่วนตัวผมเองก็เมาแต่ยังมีสติครบถ้วนดี
“ไอ้ฮุน ไอ้แพน กูร๊ากกกกกมึงงงงงงง
ไอเลิฟยูนะ จุ๊บๆ”
“เออๆ
รักกูก็ช่วยยืนให้ตรงๆหน่อยเถอะค่ะ แล้วนี่มึงเอากุญแจห้องไว้ไหน”
“งืม.. ไว้ไหนน้า”
“เอ้าอีนี่”
“กระเป๋าย่ามหรือกระเป๋ากางเกง” ผมถาม
แต่ไอ้ลู่ไม่ตอบแถมยังเซล้มมาใส่ตัวผมอีก
ผมก็เลยถือโอกาสล้วงกระเป๋ากางเกงมันเพื่อหากุญแจซะเลยจะได้เก็บมันเข้าห้อง
อยู่ตรงนี้อายชาวบ้านเค้า
“เจอมั้ย”
“เจอละๆ”
ผมยื่นกุญแจให้แพนเป็นคนไขเพราะคนเมามันล้มซบผมเรียบร้อย
พอแพนไขประตูเสร็จมันก็เดินนำเข้าไปเปิดไฟเปิดแอร์ในห้อง
“ไอ้ลู่.. ลู่หาน เข้าห้องก่อน”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเพื่อนให้ตื่น
“อือ..”
“เดินเข้าห้อง”
“เดินไม่ไหว..”
ปล่อยไว้อย่างนี้ก็ได้ยืนคุยกันทั้งคืนแหละผมว่า
ผมก็เลยถือวิสาสะช้อนตัวลู่หานขึ้นอุ้มแล้วพาเข้าห้อง
ใช้เท้าเตะปิดประตูห้องดังปัง ไอ้แพนหันกลับมาก็ตกใจทำตาโตที่เห็นผมอุ้มลู่หานเข้ามาดื้อๆ
แหงสิ หน้าอย่างผมไม่ใช่คนสุภาพบุรุษอะไรมากมายขนาดนั้น
แต่ไอ้ลู่นี่ผมจะปล่อยให้มันนอนเมาหน้าห้องไม่ได้
“วางมันบนเตียงก่อน”
“กูอยากอาบน้ามมมมม”
“อาบเชี่ยอะไร
แค่เดินยังจะเอาหัวทิ่มพื้นอยู่แล้ว” ผมบ่น เมาแล้วยังเรื่องมากอีก
ลู่หานทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ ผมก็เลยวาง(โยน)มันลงบนเตียง
จัดการถอดรองเท้าผ้าใบออกให้มันและเก็บของออกจากกระเป๋าย่ามให้โดยที่มีแพนนั่งมองอยู่ทุกการกระทำ
ร่างสูงเดินไปหยิบถังขยะใบเล็กพร้อมกับเอาถุงรองด้านใน
ก่อนจะเอามันมาวางไว้ข้างๆเตียง
“ถ้ามึงอยากอ้วก อ้วกตรงนี้นะ”
“อือๆ”
มันตอบรับส่งๆแล้วเอามือกุมหัวตัวเอง
ปวดหัวหนักเลยสิเนี่ย ร่างบางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาสองสามทีแล้วก็สงบลง นอนหลับไปแล้ว..
“เหนื่อยชิบหาย ไอ้ลู่ตัวโคตรหนัก”
“มึงเป็นผู้หญิง ไอ้ลู่เป็นผู้ชาย
ไม่หนักก็บ้าแล้ว”
“เออเนอะ แต่ทีมึงยังอุ้มมันได้สบายๆเลยอ่ะ”
“ตัวเท่าเมี่ยง หนักพอๆกับหลินแหละ”
“มึงนี่..
ดูแลไอ้ลู่ดีกว่าแฟนมันอีกนะ กูจำได้ตอนนั้นที่เราไปเมากันที่ทะเล วินก็ไปด้วย พอไอ้ลู่เมาวินก็หนีเข้าไปนอนก่อนเฉยเลย
ปล่อยให้เราดูแลไอ้ลู่ที่เมาปลิ้นโวยวายอยู่ริมหาด
พอเอาไอ้ลู่เข้าไปส่งในห้องนอนไอ้วินยังมีหน้ามาบอกให้วางลู่หานไว้บนโซฟาเพราะน้ำยังไม่ได้อาบแถมยังเหม็นเหล้า
นอนด้วยไม่ได้ ดูดิ้ ไอ้ลู่เลยเป็นโรคจะเมาหรือจะตายห่าแค่ไหนก็ต้องอาบน้ำเนี่ย
คืนนั้นไอ้ลู่น่าจะอ้วกใส่แม่งเนอะ คงได้บอกเลิกกันแน่ๆอ่ะกูว่า”
“บ้าน่า”
“กูต้องกลับแล้ว เดี๋ยวแม่บ่น
แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ”
“ว่าจะอยู่ดูมันอีกซักพัก
มึงกลับก่อนเลย”
“ฝากด้วยนะ”
“อืม ขอบใจนะที่มาส่งมัน”
“ไม่เป็นไรๆ”
แพนโบกมือบ๊ายบายก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องไป
ห้องเงียบลงไปจนได้ยินเสียงแอร์ทำงาน..
ผมหันไปมองคนเมาที่นอนอ้าแขนอ้าขาหลับปุ๋ยหมดสภาพ
ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ๆมันแล้วควักโทรศัพท์ออกมาเปิดแอพกล้อง สภาพดูไม่จืดแบบนี้
ถ่ายรูปเก็บไว้แบล็กเมล์มันหน่อยดีกว่า
กร๊าก..
เช้าวันต่อมา
ใครเอาระเบิดมายัดหัวผมไว้วะ
แม่งเอ๊ย..
ร่างบางนอนขลุกอยู่ในผ้าห่มพร้อมกับกลิ้งตัวไปมา
รู้สึกอยู่อย่างเดียวในตอนนี้คือแฮงก์มาก เมื่อคืนจำได้ว่าเมา แด๊นซ์ โดนลากกลับหอ
แค่นี้แหละ..
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครมาส่งผมบ้าง
เซฮุนหรือแพน หรือทั้งสองคนก็ไม่รู้ เอาเถอะ
ผมยังสบายดี(หมายถึงไม่ได้ตกน้ำหรือสะดุดหัวทิ่มเสา)และข้าวของที่เอาไปเมื่อคืนยังอยู่ครบก็ถือว่าโอเค
หันมองไปข้างเตียงก็พบถังขยะที่อุดมไปด้วยอ้วกของผมเอง เมาบวกเละ..
ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นและคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ปลายเตียงเดินลากเท้าไปอาบน้ำเผื่อว่าจะทำให้อะไรๆมันสดชื่นขึ้นมาบ้าง
หลังจากล็อกประตู แขวนผ้าเช็ดตัวบนราว
ผมก็ถอดเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนออกด้วยความรู้สึกว่ามันสกปรกสุดๆ
เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำเลยสักหยด หน้าก็ไม่ได้ล้าง ฟันก็ไม่ได้แปรงอีก
ผมนอนไปได้ยังไง ตัวเหม็นแบบนี้วินคงไม่ชอบเท่าไหร่..
มือเล็กกุมขมับของตัวเองที่อยู่ดีๆก็นึกถึงแฟนเก่าขึ้นมา..
ดวงตาสวยหวานกวาดมองเหล่าข้าวของเครื่องใช้และเครื่องสำอางที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นวางเหนืออ่างล้างหน้า
ทั้งหมดนั้นผมซื้อมาใช้เพราะอยากให้วินชมว่าดูดี หรือบางทีก็แค่อยากมีเรื่องคุยกับวินเยอะๆเท่านั้นเอง
ผมรีบอาบน้ำให้เสร็จไวๆแล้วออกมาจากห้องน้ำเพื่อหลีกหนีจากสิ่งของเหล่านั้น
ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดสบายๆใส่
มือบางไล่หาเสื้อผ้าไปเรื่อยๆก็ต้องสะดุดเมื่อเจอกับเสื้อยืดสีขาวที่วินเคยซื้อให้
เขาบอกว่าผมชอบใส่เสื้อผ้าแปลกๆ ก็ผมเป็นเด็กติสท์นี่ เขาไม่เข้าใจแฟชั่นของพวกเราหรอก
สรุปวินเลยซื้อเสื้อยืดลายเป็ดน้อยมาให้ผมใส่ น่ารักคิกขุจะตายห่า
“ทำไมมองไปทางไหนก็มีแต่วินวะ..”
ทุกมุมในห้องของผมมีความทรงจำเกี่ยวกับวินเต็มไปหมด
ทั้งกรอบรูปบนหัวเตียง ดอกไม้เหี่ยวๆบนโต๊ะ หนังสือเรียนของเขา เสื้อกันหนาวที่เขาให้ผมยืม
ผมยืนมองสิ่งของเหล่านั้นที่ตอกย้ำความทรงจำของผมจนกลั่นมาเป็นหยดน้ำตา..
คำถามเดิมๆลอยขึ้นมาในหัวผมซ้ำๆว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ
ดวงตากลมเหม่อลอยและหวนคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ
จนกระทั่งได้ยินเสียงข้อความเด้งเข้าถึงได้รู้สึกตัว
ร่างบางหยิบเสื้อยืดสีขาวลายเป็ดมาสวมใส่
คิดถึงดีนัก ก็ใส่แม่งให้ปวดใจหนักๆไปเลย
“ปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี่หว่า
ใครมาเปิด”
ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับเดินหาเครื่องมือสื่อสาร
มันถูกเสียบชาร์จแบตไว้ตรงหัวเตียง
ขอบคุณสำหรับผู้หวังดีที่คิดว่าแบตโทรศัพท์ของผมหมด เครื่องดับ ก็เลยเสียบชาร์จแบตให้
แต่ขอโทษผมไม่อยากเห็นแม้แต่เบอร์โทรศัพท์หรือชื่อของวินเด้งขึ้นมารบกวนเลย
มือบางดึงสายชาร์จเก็บเข้าลิ้นชักและจะตั้งใจจะปิดเครื่องอีกครั้ง
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นภาพหน้าจอที่ถูกเปลี่ยนก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ
“เละสัดอ่ะ!”
มันคือรูปที่ผมนอนกางแขนกางขาเมาปลิ้นไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ข้างๆมีปอยผมสีดำที่ดูเหมือนว่าจะเป็นของคนที่แอบเอาโทรศัพท์ของผมไปเซลฟี่
คนผมสีดำมีคนเดียวในคณะก็คือเซฮุน
เป็นมันชัวร์ๆที่ฝากเรื่องเลวร้ายไว้บนโทรศัพท์ผม
แต่จะว่าไปก็ขำดีเหมือนกันนะ
อกหักแล้วเป็นได้ถึงขนาดนี้คงจำไปอีกนานเลย ไอ้ฮุนนี่ก็ไม่รู้เป็นไงบ้างแฮะ
เห็นสบายดีชิลๆแบบนั้นแต่แววตาของมันโคตรจะเศร้าเลย ผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน
ผู้ชายที่ติสท์ไปวันๆ ปล่อยมุกกวนตีนไปวันๆ
บางครั้งก็มีมุมเศร้ามุมเหงาที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นง่ายๆอยู่
จากที่คิดว่าจะปิดเครื่อง ผมกลับกดโทรหาเซฮุน
มันรับสายเร็วกว่าที่คิด
“ไง ฟื้นแล้วหรอไอ้ตูด”
“อือ”
“...”
“ตื่นนานแล้วหรอ”
“พึ่งตื่นเมื่อกี้
นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ขี้เกียจอาบน้ำ”
มิน่า มันถึงได้รับโทรศัพท์เร็ว
“รีบอาบน้ำเร็วดิ”
“ทำไม”
“ไปกินข้าวกัน”
“...”
“...”
“เออ อีกยี่สิบนาทีเจอกัน”
ร่างเล็กหอบลังกระดาษกล่องโตออกมาจากหอพักและวางทิ้งไว้ข้างถังขยะ
เซฮุนที่ยืนรออยู่หน้าหอมองเพื่อนสนิทตัวเล็กด้วยความสงสัยว่ามันหอบอะไรลงมาทิ้ง
“อะไรวะน่ะ”
“ขยะ”
เซฮุนเลิกคิ้วขึ้น
ก่อนจะมองเลยไปยังลังกระดาษนั่น ในนั้นมันมีทั้งหนังสือ ดอกไม้แห้งๆ เฮ้ย นั่นมันกรอบรูปที่เป็นรูปคู่ของวินกับลู่หานนี่หว่า
“นี่มันของของไอ้วินนี่หว่า”
“เออ นั่นแหละขยะ”
เสียงหวานตอบเหวี่ยงๆและออกเดินนำไปร้านข้าวหน้าปากซอย
ทิ้งให้เพื่อนหน้าหล่อยืนตกอกตกใจกับการ ‘เท’
แฟนเก่าของไอ้ลู่
เด็ดจริงๆ..
“วันนี้แต่งตัวปกติดีนะ”
ผมเอาตะเกียบชี้ไปที่ชุดไอ้ฮุน
วันนี้มันใส่เสื้อยืดลายเรียบๆกับกางเกงบอล ลากรองเท้าแตะธรรมดาปุถุชนคนอยู่หอมากๆ
ผมก็เลยแปลกใจจนต้องทักเพราะปกติมันต้องมีไอเท็มบางอย่างที่ติสท์แตกตามสไตล์มัน
อย่างเช่นสวมหมวกเบสบอล(มากินข้าวหน้าหอ) สวมรองเท้าหนัง(กับกางเกงบอล) อะไรแบบนี้
เรามากินก๋วยเตี๋ยวกันหน้ามินิมาร์ทในเวลาเกือบๆเที่ยง
คนค่อนข้างเยอะทีเดียว เราเกือบไม่มีที่นั่งกันแน่ะ
“ยังไม่ได้ซักผ้าก็เลยเหลือแค่ชุดก้นตู้
มึงเองก็แต่งตัวแบ๊วชิบนะวันนี้ เสื้อลายเป็ดมึงไม่ได้ซื้อเองแน่ๆกูพนันเลย
ใครซื้อให้วะ แม่?”
“วิน เออเชี่ย กูลืมทิ้งเสื้อตัวนี้”
“เอ้า ถอดเลยมะ”
“จะบ้าหรอ เดี๋ยวค่อยเอาลงมาทิ้งก็ได้”
“เสียดาย ของดีๆ”
“มึงอยากได้เอาไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วมั้ยล่ะ”
“กูมีเยอะแล้ว ขอบใจ”
มันยิ้มแหยๆแล้วก้มหน้าโซ้ยก๋วยเตี๋ยวต่อ
ผมนั่งขำหน้าไอ้ฮุนที่ยังดูช็อกกับการที่ผมกรวดน้ำคว่ำขันวินขนาดนี้ จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนรักแรงเกลียดแรงอะไร..
แต่ถ้าผมยังเห็นของพวกนี้ทุกๆวัน ผมอาจจะตัดใจจากวินไม่ได้จริงๆ
ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ..
ก๊อกๆ
“ก๋วยเตี๋ยวอืดหมดแล้วคุณ” มันเอาตะเกียบเคาะขอบชามเมื่อเห็นผมเหม่อ
“ช่วยกินหน่อยดิ”
“เดี๋ยวกินเส้นให้
มึงกินหมูกับลูกชิ้นไป”
“รู้ใจที่สุดอ่ะ”
“คบกันมาตั้งนานถ้าไม่รู้ก็อย่าเรียกว่าเพื่อนเลยเห๊อะ”
“ทำไมหลินถึงทิ้งมึงวะ
กูไม่เข้าใจจริงๆ”
“...”
“มึงเป็นคนดีนะ ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่แคร์อะไรก็เถอะ”
ผมมองหน้าเซฮุน.. ตอนนี้มันก็ยังคงทำเป็นไม่แคร์โลกเหมือนเดิม
แต่ผมน่ะเป็นเพื่อนกับมันมานาน เซฮุนก็เป็นผู้ชายดีๆคนหนึ่งที่เทคแคร์และเอาใจใส่คนรอบข้างเสมอ
เวลามีอะไรไม่สบายใจก็คุยกับมันได้ทุกเรื่อง คำถามที่ผมคอยถามตัวเองอยู่ตลอดมันหวนกลับขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง
ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ
“คนเราก็เหมือนจิ๊กซอว์ตัวนึงที่มีส่วนที่ยื่นออกมาบ้าง
มีส่วนที่เว้าแหว่งหายไปบ้าง จิ๊กซอว์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอกนะเว้ย คนที่ไม่ใช่
ต่อให้พยายามเอามาต่อกันเท่าไหร่ยังไงมันก็ไม่ลงล็อก
หมุนกี่ทิศก็ยังไม่ประสานกันสนิท สุดท้ายก็ต้องหยิบมันออกไปและหาตัวใหม่มาต่อแทนอยู่ดี
หลินคงยังไม่ใช่ชิ้นที่พอดีกับกู”
“แล้วถ้ามึงเจอจิ๊กซอว์ชิ้นที่ต่อกันได้พอดี
มึงจะรู้ได้ยังไง”
“หัวใจมันจะบอกเอง”
“กระซิบบอกยังงี้?”
“บ้านป๊ามึงสิ”
มันผลักหัวผม เราสองคนหัวเราะไปด้วยกัน
เฮ้อ.. เรากลายเป็นคนโสดจริงๆแล้วสินะ
ถึงได้พร่ำเพ้อหาความรักใหม่ และพยายามที่จะลืมความรักเก่า
ผมเป็นคนอาสาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวมันเองเพราะค่าเหล้าเมื่อคืนมันบอกว่ามันไม่เอาตังค์จากผม
ดีว่ะ มีเพื่อนรวยเนี่ย เราเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวได้สามก้าว
ก็ต้องหยุดเมื่อเจอกับคนที่ผมไม่อยากเจอ
วิน
ไม่ทันที่ผมจะได้เดินหนี วินก็เดินเข้ามาหาผมซะก่อน
เขามองหน้าผมก่อนจะมองเลยไปยังเซฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆผม ดูเหมือนว่าวินพึ่งกลับมาจากที่ไหนสักที่เพราะรถเขาจอดอยู่ตรงฟุตบาทนี่เอง
ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน เอาแต่ยืนมองหน้ากันเป็นคนป่าไม่รู้จักภาษา
ผมเห็นคู่หมั้นของวินนั่งอยู่ในรถ..
หน้าชาไปชั่วขณะเลยแฮะ
ผมเอื้อมมือไปจับมือของเซฮุนพร้อมกับสอดประสานกันแนบแน่น เซฮุนดูไม่ตกใจอะไร
ซ้ำยังทำหน้ากวนตีนใส่วินอีก
“มีคนใหม่เร็วจังเนอะ” วินทักขึ้น
“เลิกแล้วก็มีคนใหม่ได้ดิ ไม่เห็นแปลก”
“หรอ นึกว่ายังไม่ลืมคนเก่าซะอีก”
วินมองมาที่เสื้อยืดลายเป็ดที่ผมใส่อยู่
ทำให้ผมเริ่มอารมณ์ขึ้นหน่อยๆ
“อย่างน้อยก็ดีกว่าคบซ้อนป่ะวะ”
“วันนี้วินไม่ได้มาชวนทะเลาะนะ”
“งั้นก็ถอยดิ เราจะขึ้นห้องกันแล้ว”
ผมเน้นคำว่าขึ้นห้องให้วินได้ยินชัดๆ
วินดูตกใจกับคำกำกวมนั้นมาก มากจนผมรู้สึกว่าผมกำลังเล่นแรงไปหรือเปล่า
เพราะผมกับวินไม่เคยพูดอะไรส่อแบบนี้ต่อกันเลย
“ลู่หาน ถ้ายังรักวินอยู่
วินจะบอกครอบครัวว่าวินเลือกลู่หาน แล้วก็จะยกเลิกเรื่องหมั้นนี่ไปให้หมด
หัวใจของวิน วินเลือกเองได้ เชื่อวินนะ”
“พูดอะไรไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่นั่งรอมึงอยู่ในรถนั่นเลยนะ”
เซฮุนดันผมให้หลบด้านหลังแล้วประจันหน้ากับวินซะเอง
จริงๆผมก็ไม่อยากพูดอะไรกับวินตอนนี้เหมือนกัน เพราะผมกลัวว่าผมจะใจอ่อนกับคำอ้อนของเขา
“เห็นลู่หานเป็นอะไรวะ ของตายหรอ แล้วคู่หมั้นของมึงล่ะเป็นอะไร
ของตายอีกเหมือนกันใช่มั้ย อย่าทำเป็นพูดดีหน่อยเลยไอ้วิน ตอนนี้มึงทิ้งผู้หญิงคนนั้นได้
ต่อไปมึงก็คงสามารถทิ้งลู่หานได้เหมือนกัน ถึงมึงรักลู่หานจริงๆมึงจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องค้างคามาเป็นปีๆหรอก
คิดดูดีๆละกัน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ผิดอะไร ลู่หานเองก็ไม่ได้ผิดอะไร อย่าเอาความเห็นแก่ตัวของมึงมาทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปมากกว่านี้เลย
ลูกผู้ชายป่ะวะ”
ผัวะ!
วินต่อยเซฮุน!
ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันอย่างคนอารมณ์กำลังเดือดดาล
คนอย่างเซฮุนไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาต่อยฟรีๆ
มือแกร่งอีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมพุ่งไปคว้าคอเสื้อของวินเอาไว้แล้วขยำจนวินหายใจไม่ออกไอค่อกแค่ก
คนที่เดินว่อนในช่วงเที่ยงรวมถึงแม้ค้าร้านตลาดมองมายังเราสามคนตรึม
“พอเหอะวิน! เลิกยุ่งกะเราเหอะ มันจบแล้ว ยอมรับความจริงหน่อยดิวะ จะยื้อให้มันได้อะไร”
“วินไม่เชื่อหรอกว่าลู่หานจะหมดรักวินแล้วอ่ะ”
“...”
ผมเงียบ
เซฮุนปล่อยคอเสื้อของวินให้เป็นอิสระแล้วผลักเขาออกไป
“กูจะทำให้ลู่หานลืมมึงเอง”
TBC.
#มีเรื่องเหล้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น