{SF} ฤดูร้อนนี้..มีเธอ - HUNHAN
(#ฤดูร้อนนี้มีเธอ)
7:50 น.
..
มันคือเวลาที่นักเรียนทุกคนควรจะอยู่ที่โรงเรียนแล้ว..
ยิ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกก็ยิ่งไม่ควรสาย
เด็กหนุ่มตัวสูงในชุดนักเรียนมัธยมปลายชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างรถเมล์
ภาพตรงหน้าคือถนนที่มีรถอันมากมายมหาศาลติดยาวเหยียดไปถึงโลกหน้า เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างนี้ก็ถึงโรงเรียนแล้ว
มันจะติดอะไรนักหนาวะ จากที่แค่นั่งรถไม่ถึงห้านาทีกลับต้องมานั่งแหง็กอยู่ตรงนี้เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย
พลิกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยใจอันร้อนรน
เหลือเวลาอีกสิบนาทีก็จะเข้าแถวแล้ว.. เอาวะ! ลงมันตรงนี้แล้ววิ่งไปแล้วกัน
น่าจะทันพอดี
.. เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังแว่วมาเป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนมารวมตัวกันหน้าเสาธง
‘โอเซฮุน’ คว้ากระเป๋าเป้สีแดงวิ่งพรวดพราดลงจากรถเมล์และวิ่งไปตามทางเท้า
เสื้อนักเรียนสีขาวหลุดลุ่ยออกจากกางเกงลายสก็อตสีเทา เนกทงเนกไทปลิวพาดไปด้านหลัง
ช่างแม่งครับ ตอนนี้รีบ!
หลายคนก็มีชะตากรรมเดียวกันคือวิ่งกวดไปให้ทันเข้าแถวหน้าเสาธง
เหงื่อกาฬเริ่มไหลซ่กมาตามขมับ ช่วงเปิดเทอมมันคือฤดูฝน.. ที่แม่งร้อนอบอ้าวจับใจไม่มีหนาวผสม
เลี้ยวซ้ายข้างหน้านี้ก็ฟินแล้ว..
ทำเวลาหน่อยอีกสองนาที
สองนาทีเท่านั้น..
พลั่ก!!
“โอ๊ย!”
“อ๊ะ!”
จู่ๆก็มีคนวิ่งมาชนเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังรีบไปให้ทันเข้าแถวจนหัวฟู
คนที่วิ่งมาชนล้มลงกับพื้นเนื่องจากวิ่งสวนมาชนกันอย่างรุนแรง เด็กโรงเรียนเดียวกันนี่หว่า..
โรงเรียนไปทางนี้ แล้วทำไมเด็กนี่ถึงวิ่งสวนทางกับเขาล่ะ โรงเรียนจะเข้าอยู่แล้วนะว้อย!
“เป็นไรป่ะ?”
เซฮุนจับไหล่ของคนที่ล้มและพยายามประคองขึ้นจนกระทั่งเขายืนได้ปกติ
เขาไม่เจ็บอะไร.. มีแค่ข้อศอกที่ถลอกนิดหน่อย ผิวขาวๆบางๆนั้นขึ้นสีแดงเป็นปื้นเชียวล่ะ
“ไม่เป็นไรๆ เราขอโทษนะ”
...
ทันทีที่เขาคนนั้นหันหน้ามาหาเซฮุน..
ความรู้สึกโลกหยุดหมุนเหมือนในนิยายมันก็เกิดขึ้นฉับพลันทันใด.. เราสองคนมองสบตากันนิ่งงัน
ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตางอนยาวเป็นเอกลักษณ์นั้นค่อยๆเบิกกว้างขึ้น..
เขาชี้มาที่เซฮุน
ส่วนเซฮุนก็ชี้ไปที่เขา..
“ใช่.. เซฮุนป่ะ.. ?”
“... ลู่หานป่ะ?”
.
.
.
10 ปีที่แล้ว
‘พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง
แก้มแด๊งแดง แต่งตัวทาแป้งโผล่มา ยามเช้าตรู่ ฮู้ ฮูววว’
เด็กน้อยในชุดเอี๊ยมสีแดงทาแก้มแดงเหมือนเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่โบกมือไม้ไปมาเต้นประกอบเพลงพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง
เด็กผู้ชายเต้นคู่กับเด็กผู้หญิง เด็กๆเต้นเข้าคู่กันอย่างน่ารักสมวัยให้ผู้ปกรองถ่ายวิดีโอลูกๆอยู่หน้าเวที
“ลูกชายคุณน่ารักดีนะคะ คิกๆ”
“ลูกชายคุณก็น่ารักค่ะ ดูซิ
ยิ้มหวานให้กล้องเชียว”
หญิงวัยสามสิบต้นๆยืนอัดวิดีโออยู่ข้างกันแถมยังหัวเราะคิกคักให้กับความน่ารักของเด็กๆบนเวทีซึ่งก็มีลูกของเธอสองคนอยู่บนนั้นด้วย
คุณแม่ยังสาวสองคนน่ะบ้านอยู่ข้างกัน แถมลูกชายยังอายุเท่ากันเรียนโรงเรียนเดียวกัน
ห้องเดียวกันอีกต่างหาก
แม่ก็เป็นเพื่อนกัน ลูกยังเป็นเพื่อนกันอีก..
แฮปปี้นะคะชีวิต
“ลูกฮุนนนนนนน
ยิ้มให้กล้องแม่หน่อยลูก”
“น้องลู่ครับ สู้ๆนะลูกกกกกกก”
พอได้รับเสียงเชียร์จากแม่
เด็กชายอายุเจ็ดขวบทั้งสองคนก็ยิ่งยิ้มแฉ่งและตั้งใจเต้นอย่างเต็มที่เลย
‘พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง
แก้มแด๊งแดง แต่งตัวทาแป้งโผล่มา ส่งยิ้มให้คุณหนู ยิ้มน้อยยิ้มหย่ายย’
ท่าจบคือเอามือทำตัววีใต้คางเหมือนดอกไม้กำลังบานแฉ่ง
ผู้ปกครองและคุณครูตบมือกันเกรียวกราวชื่นชมหนูน้อย พอจบการแสดงเด็กๆก็วิ่งลงจากเวทีมาหาคุณพ่อคุณแม่
เซฮุนและลู่หานเองก็เช่นกัน ทั้งสองวิ่งมาจากเวทีและกระโดดกอดคุณแม่พร้อมกัน
พวกเธออุ้มลูกชายขึ้นแนบอก วันนี้มีงานโรงเรียนทำให้งดการเรียนการสอนทั้งวันเลย
เสร็จกิจกรรมก็ว่าจะพาเด็กๆกลับบ้านกันแล้วล่ะ
“ไปถ่ายรูปกันทีน้ำพุดีกว่าค่ะ วันนี้เด็กๆแต่งหล่อทั้งที”
“ดีค่ะ
เด็กๆจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ พอโตขึ้นและกลับมาดูรูปจะได้คิดถึงกัน เนอะลูกฮุน”
“งุนไม่ถ่ายยูปกับยู่หรอก
ยู่ไม่ชอบสระผม ยู่เป็นเหา!”
“เลาสระผมนะ เหาเลาก็หายแล้วด้วย”
“เชื้อเหายังอยู่บนหัวยู่”
“ไม่มี”
“แหวะ ตัวเหา”
“มะม๊า งุนว่ายู่ว่าเป็นตัวเหา”
ดวงหน้ากลมน่ารักประดับด้วยขนตางอนยาวธรรมชาติหันมาหาผู้เป็นแม่ราวกับจะฟ้อง
คุณแม่หอมแก้มลูกชายสุดน่ารักฟอดใหญ่เพื่อจะบอกว่ามีเธอคนนึงที่ไม่ได้รังเกียจเลยไม่ว่าลูกจะเห็นเหาหรือเป็นชันนะตุน่ารังเกียจ
“เซฮุนเค้าพูดเล่นน่าลูก ไม่งอแงนะคนเก่ง
เดี๋ยวจะหอบนะคะ”
“เจ้าตัวดื้อ อย่าว่าน้องสิลูก”
เป็นเพราะลู่หานเกิดหลังเซฮุนแปดวัน
ดังนั้นบางครั้งแม่ของเซฮุนก็จะเรียกลู่หานว่าน้องและให้เซฮุนเรียกลู่หานว่าน้องด้วย
หากแต่ลูกชายเธอนี่ก็เหลือเกินจริงๆ เรียกหนูลู่หานเป็นตัวนั่นตัวนี่ไปตามสถานการณ์
ล่าสุดน้องลู่เป็นเหา ก็เรียก ‘ตัวเหา’ ไปซะได้..
“ก็ยู่เป็นเหานี่ฮะแม่”
“ถ้าแม่ได้ยินลูกล้อน้องลู่ว่าตัวเหาอีก
แม่ตีนะ”
“...”
เด็กชายยอมสงบปาก ไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ลู่หานแบร่ๆ
ส่วนลู่หานก็ยู่ปากใส่กลับคืน.. เด็กสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกกัน แต่จริงๆแล้วเค้ารักกันมากเลยนะ..
เซฮุนก็แค่แกล้งไปเรื่อยตามประสาเด็กกำลังซน
แต่ก็รู้ลิมิตไม่ได้เล่นแรงกับลู่หานเพราะรู้ว่าลู่หานนั้นเป็นโรคหอบหืด
ดังนั้นคุณแม่ของลู่หานจึงได้ไว้ใจให้ลู่หานเล่นกับเซฮุนแค่คนเดียว
เพราะเธอรู้ว่าเซฮุนจะไม่ทำร้ายลู่หานแน่นอน (นอกจากแกล้งหยอกด้วยคำพูดน่ะนะ)
ทั้งสี่พากันเดินไปยังลานน้ำพุของโรงเรียนที่วันนี้ประดับประดาไปด้วยลูกโป่งเต็มไปหมด
เด็กสองคนกระโดดลงจากอ้อมกอดแม่และวิ่งเข้าหาลูกโป่งหลากสีสัน
ลู่หานโยนลูกโป่งให้เซฮุน เซฮุนก็รับและส่งให้ลู่หานต่อ
ทั้งคู่หัวเราะกันสนุกสนานลืมเรื่องเหาไปซะสนิทเลย
“โตขึ้นทั้งคู่คงจะเป็นเพื่อนรักกันนะคะ”
คุณแม่ของเซฮุนพูด
“ฉันมีเรื่องจะบอกน่ะค่ะ..”
น้ำเสียงของแม่ลู่หานอ่อนลงราวกับสิ่งที่จะพูดเป็นเรื่องสำคัญ
“อาทิตย์หน้าครอบครัวของเราจะย้ายไปอยู่ที่แดกู..
มันค่อนข้างกะทันหันน่ะค่ะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเราเลยตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับอาม่าของน้องลู่หาน
เปิดร้านอาหารเล็กๆสักร้านหนึ่ง ตั้งตัวกันใหม่ที่นู่นเลย”
“ตายจริง มันกะทันหันมากจริงๆค่ะ” แม่ของเซฮุนกุมอกอย่างช็อกๆ..
“ตอนนี้เราก็ทยอยเก็บของกันเกือบหมดแล้ว
บ้านก็ว่าจะปล่อยเช่า..”
“ใจหายเลย.. มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ
คนกันเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
“เด็กๆก็คงใจหายเหมือนกัน..”
คุณแม่ทอดมองเด็กน้อยทั้งสองวิ่งเล่นปาลูกโป่งใส่กันอย่างสนุกสนานไม่รู้ประสีประสา..
รอยยิ้มจางๆแต่น่าเศร้าของพวกเธอเด็กๆไม่ทันได้เห็นเลยแม้แต่นิด
“ลูกฮุน น้องลู่ หยุดเล่นกันก่อนครับ
มายืนข้างกันตรงนี้แล้วยิ้มกว้างๆเลยน้า”
“ค้าบบบ/ค้าบบบ”
เด็กชายเอี๊ยมแดงสองคนหยุดวิ่งเล่นและเดินมายืนข้างกันตรงหน้าลานน้ำพุอย่างว่าง่าย
แม่ของเซฮุนเป็นคนถือกล้องถ่ายรูป
ส่วนแม่ของลู่หานเดินเข้าฉากไปจัดท่าทางและเสื้อผ้าให้เด็กๆ
ทั้งคู่จับมือกันแน่นและยิ้มกว้าง ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ถือลูกโป่งกันคนละสี
“ยิ้มนะครับ ชีสสส”
แชะ!
สมัยนั้นยังเป็นกล้องฟิล์ม..
คุณแม่ของเซฮุนจึงถ่ายอีกสิบกว่ารูปจะได้อัดเก็บไว้ให้คุณแม่ลู่หานและน้องลู่หานดู
รูปนี้อาจจะเป็นรูปสุดท้ายที่เด็กๆได้ถ่ายคู่กัน..
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ครอบครัวของลู่หานจะกลับมาที่โซลอีก
ไม่รู้ว่าโตขึ้นพวกเขาจะยังจำกันได้ไหม
ไม่รู้ว่าวันเวลาข้างหน้าครอบครัวของเซฮุนจะยังอยู่ที่นี่หรือย้ายไปที่ไหนมั้ย..
มันน่าเศร้า
แต่ก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มและความทรงจำดีๆ
หวังว่าโตขึ้น.. หากว่าทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง
ขอให้ทั้งคู่จะยังจำกันได้นะ..
หลังจากถ่ายรูปที่ลานน้ำพุเสร็จ
คุณแม่ทั้งสองและลูกชายทั้งสองก็พากันกลับบ้านโดยรถยนต์ของคุณแม่ลู่หาน
ทางเดียวกันประหยัดน้ำมัน ตลอดทางกลับบ้านเด็กๆที่นั่งเบาะหลังหลับสัปปะหงกหัวชนกันหลายโป๊กเลยล่ะ
ถ้าลู่หานยังเป็นเหาอยู่ เซฮุนก็ติดเหาแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย
“ถึงบ้านแล้วครับเด็กๆ ตื่นได้แล้ว”
แม่ของเซฮุนเขย่าพุงเด็กน้อยทั้งสองเบาๆราวกับจะปลุกให้ตื่น
เด็กชายลืมตาขึ้นงัวเงียและพากันกระโดดลงจากรถ
เมื่อเด็กๆลงจากรถแล้วคุณแม่ของลู่หานจึงขับรถเข้าไปจอดในตัวบ้าน
ในขณะที่ลู่หานกำลังยืนหาวหวอดอ้าปากกว้างเป็นจระเข้อยู่นั้น
มือน้อยๆของเซฮุนก็เอื้อมมาจับมือของลู่หานหมับ
“ไปปั่นจักรยานเล่นกันเถอะ”
“เลาง่วงง่ะ”
ขยี้ตาให้ดูอีกทีว่าง่วงจริงๆ
“เชื้อเหาทำให้ง่วงด้วยหรอฮะแม่”
เซฮุนหันไปถามผู้เป็นแม่
ทำให้เธอถึงกับหัวเราะพรืด
“น้องลู่เค้าแค่ง่วงนอนน่ะลูก
เชื้อเหามีที่ไหนล่ะบนโลกใบนี้”
“นั่นสิฮะคุณน้า.. งุนอ่ะชอบขี้โม้”
“ถ้าไม่มีเชื้อเหา
งั้นก็ต้องไม่ง่วงสิ”
“ไม่มีก็ง่วงอยู่ดี”
“แม่ฮะ ทำยังไงยู่ถึงจะหายง่วง
งุนอยากเล่นกับลู่”
“ไม่กลัวเหาแล้วหรอหื้ม?”
“กลัวฮะ แต่งุนแข็งแรง
ไม่ติดเชื้อเหาหรอก”
ผู้เป็นแม่ถึงกับหัวเราะออกมาอีกครา
เด็กวัยนี้ช่างเถียงช่างเอาแต่ใจเสียจริง
เซฮุนยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้เพื่อนหนึ่งเดียวในชีวิตตรงหน้าหายง่วงดี
ในที่สุดเด็กน้อยก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมาทั้งสองข้างก่อนจะตรงเข้าไปจั๊กจี๋เอวของลู่หาน ต้องทำให้หัวเราะจะได้หายง่วง
ร่างเล็กหัวเราะและดิ้นไปมาดิ้นมาเมื่อถูกจี๋เอว
แถมยังวิ่งหนีเด็กหน้าหล่อขี้แกล้งไม่ให้จี๋กัน
“คิกๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ งุน เราจั๊กจะดี๋นะ”
“หายง่วงรึยัง”
“หายแย้วว คิกๆๆๆๆ”
เซฮุนยอมหยุดแต่โดยง่ายเพราะกลัวลู่หานจะหอบ..
มีครั้งหนึ่งที่เซฮุนเห็นลู่หานหอบเพราะถูกไอ้หมูแจฮยอนเด็กอ้วนซอยข้างๆแกล้ง
เซฮุนแบกลู่หานขึ้นหลังวิ่งร้องไห้จ้ากลับมาบ้านเพราะสงสารลู่หานจับใจและทั้งกลัวด้วย
ตั้งแต่นั้นมาเซฮุนก็ไม่แกล้งลู่หานแรงๆอีกเลย
ไม่เคยแม้แต่จะทำให้ลู่หานเป็นอะไรไป รอยถลอกหน่อยเดียวก็ไม่ยอม..
แถมยังคอยปกป้องไม่ให้เด็กซอยไหนมาแกล้งลู่หานอีก
อาการหอบของลู่หานไม่รู้ว่าจะกำเริบตอนไหนบ้าง
แต่ที่คุณแม่ของลู่หานบอกก็คืออย่าให้ลู่หานเหนื่อยมากๆหรืออย่าพาไปเล่นกับสัตว์
เซฮุนกลัว.. กลัวว่าลู่หานจะเป็นอะไรไปเขาจึงดูแลเด็กอ่อนแอคนนี้เป็นอย่างดี
ถึงได้บอก
ว่าเด็กสองคนนี้รักกันมากจริงๆ..
“แม่ฮะ งุนไปปั่นจักรยานเล่นกับยู่นะ”
“จ้า อย่ากลับบ้านค่ำนะ”
“เดี๋ยวเลาไปเอาจักรยานกับบอกมะม๊าก่อน
งุนถอยจักรยานมารอเลาหน้าบ้านนะ”
“โอเค”
ลู่หานวิ่งเข้าบ้านไปบอกมะม๊า
ส่วนเซฮุนเดินเข้าบ้านของตนพร้อมกับผู้เป็นแม่ เด็กชายวิ่งไปหาจักรยานสีแดงคันโปรด
เตะขาตั้งขึ้นและปั่นจักรยานมารอลู่หานหน้าบ้าน รอไม่นานเด็กน้อยตากลมโตสวยก็ถอยจักรยานคันสีเหลืองออกมาจากรั้วบ้านของตน
“ไปไหนกันดี” ลู่หานถามก่อนที่เราจะออกตัวปั่นจักรยาน
“ไปเล่นชิงช้ากันมั้ย”
“อื้อ ไปสิ”
หัวกลมพยักหน้าขึ้นลง
เซฮุนยิ้มและปั่นจักรยานนำลู่หานไปก่อน ตรงปากซอยมีลานสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน
เด็กๆละแวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะมาเล่นกันที่นี่แหละ
พอมาถึงสนามเด็กเล่นทั้งคู่ก็จอดจักรยานเอาไว้ข้างๆต้นไม้เพื่อหลบแดด
ถ้าจอดตากแดดเบาะจะร้อน นั่งแล้วร้อนตูด พอจอดยานพาหนะเสร็จทั้งคู่วิ่งเข้าไปจับจองชิงช้ากัน
แผ่นกระดานสีเหลืองของลู่หาน ส่วนสีขาวของเซฮุน ทั้งคู่แกว่งชิงช้าเล่นกันไป
หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข แต่จู่ๆ.. เจ้าตัวป่วนที่ถูกขนานนามว่าเป็นไจแอนท์ของละแวกนี้ก็เข้ามายังสนามเด็กเล่น..
เจ้าหมูแจฮยอน
เซฮุนกระโดดลงจากชิงช้าและยืนบังลู่หานเอาไว้
ไอ้หมูแจฮยอนชอบแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเห็นว่าลู่หานไม่ค่อยแข็งแรงก็ยิ่งเป็นเหยื่ออันโอชะของมันเชียวล่ะ
“ชิงช้าตัวสีเหลืองนั่นของข้า! ถอยไปซะ” เสียงหนักแน่นทรงพลังของเด็กอ้วนตะโกนข่ม
“แต่ยู่มาเล่นก่อนนะ”
เซฮุนกอดอกยืนเถียงกับแจฮยอนอย่างไม่เกรงกลัว
ลู่หานหยุดแกว่งชิงช้าและมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกลัวๆ
เป็นเพราะแจฮยอนเคยทำให้ลู่หานหอบ ลู่หานจึงฝังใจกับแจฮยอนเอามากๆ..
“ข้าก็จะมาเล่น
พวกเอ็งเล่นกันพอใจแล้วก็ออกไปซะ”
“ไม่ ยู่ยังเล่นไม่เสร็จ”
“ไอ้ก้าง!
ชอบเด็กขี้โรคนี่หรือไงถึงได้มาคอยปกป้องนักหนา ถอยไปซะก่อนที่จะเจ็บตัว”
ถ้อยคำกร่างๆจำมาจากในละครหลังข่าว..
มืออ้วนกำคอเสื้อของเซฮุนจนเด็กน้อยหายใจไม่ออกไอค่อกแค่ก
แจฮยอนเหวี่ยงเซฮุนไปที่กองดินข้างๆจนเด็กตัวจ้อยล้มคลุกดินเปรอะตัวเต็มไปหมด
ลู่หานมองเซฮุนอย่างตกใจและจะวิ่งไปดูแต่ก็ถูกแจฮยอนยึดรองเท้าแตะของลู่หานไปไว้กับตัว
“เอารองเท้าเลาคืนมานะ!”
“อยากได้ก็วิ่งมาเอาคืนเซ่
ได้ข่าวว่าเป็นเหาด้วยนี่ แหวะ ลู่หานเป็นเหา ลู่หานเป็นเหา!”
“เลาหายแล้ว เอารองเท้าเลาคืนมา”
“ลู่หานเป็นเหา ลู่หานเป็นเหา”
เด็กอ้วนชูรองเท้าของลู่หานขึ้นแล้ววิ่งหนีให้ลู่หานวิ่งตามมาเอาคืน
ลู่หานวิ่งตามด้วยเท้าเปล่า.. แถมยังตาแดงเหมือนจะร้องไห้ ทั้งถูกล้อว่าเป็นเหา
ทั้งโดนแกล้งยึดรองเท้าไปอีก ลู่หานกลัวแจฮยอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งไม่อยากมีเรื่องกับคนๆนี้อีกเลย..
“อย่าแกล้งยู่หานนะไอ้หมูแจฮยอน!!”
เสียงยังไม่แตกหนุ่มตะโกนดังไปทั่วสนามเด็กเล่นอย่างกราดเกรี้ยว
เซฮุนได้ยินหมดทั้งมันล้อลู่หานว่าเป็นเหา ทั้งแกล้งให้ลู่หานวิ่งเหนื่อยอีก เซฮุนยันตัวลุกขึ้นจากพื้นถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บๆขาก็ตามที
ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปปะทะตัวอ้วนๆหมูๆของแจฮยอนให้หยุดวิ่ง
กลัว.. กลัวว่าลู่หานจะวิ่งไล่แจฮยอนจนเหนื่อยหอบอีกครั้ง
แค่คิดน้ำตาของเซฮุนก็รื้นขึ้นมาเต็มเบ้าตา
“เฮ้ย!”
แจฮยอนหยุดวิ่งเพราะถูกเซฮุนกอดเอวเอาไว้
“เอารองเท้าของยู่คืนมา!”
“โอ๊ย!! เอ็งกัดแขนข้าเรอะ”
พลั่ก!
“งุน!!!!!!!!!!”
ลู่หานวิ่งเข้าไปหาเซฮุนที่ล้มลงไปนอนกับพื้นหลังจากโดนแจฮยอนต่อยเข้าอย่างจัง
เซฮุนปากแตก เลือดไหลซิบเลย..
ลู่หานร้องไห้ออกมาอย่างหนักและพยายามประคองตัวเซฮุนให้ลุกขึ้นยืน
ไม่สนใจว่าตัวเองจะมีรองเท้าหรือไม่มี พยายามประคองเซฮุนไปยังจักรยานให้ได้ คนอย่างแจฮยอนทะเลาะด้วยก็เสียเวลาเปล่า
รังแต่จะเจ็บตัวกับเจ็บใจ หนีออกห่างให้ไกลจะเป็รทางออกที่ดีกว่า
“ไอ้เด็กอ้วนนิสัยไม่ดี!
ไม่มีใครรัก!”
เสียงใสหันไปตะคอกใส่แจฮยอนที่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่อย่างกับรูปปั้นหมูสลัก
แจฮยอนเองก็อึ้งเช่นกันที่ทำเซฮุนเลือดออกและเดินแทบไม่ไหว..
“เอารองเท้าคืนไป”
อย่างน้อยเด็กนิสัยไม่ดีก็มีจิตสำนึก
แต่อย่างแจฮยอนน่ะไม่ได้วางคืนให้ดีๆหรอก เขาโยนรองเท้าคืนให้ลู่หานก่อนจะวิ่งแจ้นหนีกลับบ้านไป
นิสัยไม่ดีเลย..
“งุนปั่นจักรยานไหวมั้ย”
“ไหว..”
ดูก็รู้ว่าไม่ไหว.. ยังจะมาฝืนยิ้มให้อยู่ได้
“เอาเสื้อเลาเช็ดเลือดก่อนเดี๋ยวม๊างุนดุ”
“ไม่เป็นไรหรอก ยู่กลับบ้านไปก่อนเถอะ”
“ได้ยังไงล่ะ
มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ แถมงุนเจ็บอยู่ด้วยเลาทิ้งงุนไม่ลงหรอก”
เด็กน้อยหน้าหล่อยิ้มจางๆให้กับถ้อยคำน่ารักเหล่านั้น
หัวใจเหมือนถูกสูบฉีดจนพองโต..
“งั้น.. อย่าทิ้งกันนะ สัญญา”
“อื้อ สัญญา”
คำสัญญาประทับตราด้วยเกี่ยวก้อย..
เซฮุนรู้สึกหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง
ทั้งคู่ปั่นจักรยานของใครของมันกลับบ้าน
ลู่หานไปส่งเซฮุนถึงมือแม่ของเซฮุนเลย
แถมยังฟ้องอีกด้วยว่าแจฮยอนน่ะต่อยเซฮุนจนล้มแบะไปกับพื้นดิน
แม่ของเซฮุนบ่นนิดหน่อยแต่ก็เข้าใจว่าเด็กแค่เล่นกัน แถมลูกของเธอก็ไม่ได้ปากเบี้ยวหรือขาหักอะไรตรงไหน
สองสามวันก็หายดีวิ่งปร๋อได้เหมือนเดิมแล้วจึงไม่ได้เอาเรื่องอะไร
.
.
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..
วันเสาร์เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะตื่นสายถึงแม้จะมีการ์ตูนยามเช้ามาล่อใจก็ตาม..
เซฮุนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนสิบเอ็ดโมงหลังจากได้ยินเสียงรถบรรทุกสตาร์ทดังมาถึงห้องนอน
เด็กน้อยกลิ้งไปมาบนเตียงนอนลายอุลตร้าแมน
นึกในใจว่าทำไมรถบรรทุกถึงได้มาแล่นอยู่ในหมู่บ้านกันนะ เซฮุนขยับตัวลงจากเตียงและเดินเตาะแตะมองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นรถบรรทุกจริงๆด้วย.. มันเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กชายอายุเจ็ดขวบ
เด็กน้อยยืนมองมันจนลับสายตา ลงไปโม้กับแม่ได้ใหญ่โตเชียวล่ะว่าเห็นรถบรรทุกคันใหญ่เบ้อเริ่ม..
รถบรรทุกขนของคันใหญ่เหมือนย้ายบ้านเลย
“แม่ค้าบ งุนเห็นรถบรรทุกผ่านหน้าบ้านเราด้วยล่ะ”
พูดจ้อทันทีเมื่อลงบันไดจากบนบ้าน ผู้เป็นแม่กำลังจัดรูปใส่กรอบอยู่บนโซฟา..
เธอยิ้มเมื่อมองดูรูปในมือ ความทรงจำบางครั้งมันก็มาในหลายรูปแบบน่ะนะ..
ทั้งฝังอยู่ในใจ ทั้งเห็นเป็นรูปธรรม
“หรอครับ คันใหญ่มั้ย”
“ใหญ่มากเลยฮะ เหมือนขนของย้ายบ้านเลย
เสียงสตาร์ทรถดังฮึ่มมจนงุนตื่นนอนเลย”
ผู้เป็นแม่ได้แต่ยิ้ม..
ดวงตาบวมๆของเธอที่ผ่านการร้องไห้มาเมื่อกี้ลูกชายคงยังไม่สังเกตเห็นเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับรถบรรทุกอยู่
“โอ๊ะ รูปงุนกับยู่นี่ฮะ”
“ใช่แล้ว แม่ใส่กรอบให้แล้วเดี๋ยวเราเอาไปวางไว้ข้างทีวีนะ”
“เอารูปให้ยู่ดูหรือยังฮะ”
“ให้แล้วจ้ะ
แม่อัดใส่กรอบให้เหมือนของเราเลยล่ะ”
“งั้นงุนไปอาบน้ำดีกว่า ยู่ตื่นแล้ว
งุนว่าจะพายู่ไปเล่นกองทราย”
เด็กน้อยกระโดดดึ๋งลงจากโซฟาอย่างตื่นเต้น
เมื่อวานมีกองทรายมาเทไว้ใหม่ที่สนามเด็กเล่น ถ้าพาลู่หานไปเล่นจะต้องสนุกมากแน่ๆ..
“ครอบครัวของน้องลู่ย้ายบ้านไปแล้วลูก”
พอได้ยินแม่พูดคำว่าย้ายบ้านไปแล้ว..
เซฮุนก็หยุดชะงักกึกอยู่กับที่ สำหรับเด็กเจ็ดขวบคำว่าย้ายบ้านอาจจะยังไม่รุนแรงกับจิตใจเท่าผู้ใหญ่
คิดแค่เพียงว่าย้ายไปก็กลับมาเจอกันได้ ไปไม่นานหรอก..
เด็กน้อยยังไม่เข้าใจว่าชีวิตน่ะไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย..
เราอาจจะไม่ได้เจอกับครอบครัวของลู่หานอีกก็เป็นได้
“รถบรรทุกคันที่น้องฮุนเห็น..
เค้าขนของของบ้านน้องลู่ย้ายไปอยู่ที่แดกูน่ะลูก”
“ยู่หานไปแล้วหรอฮะ..”
“ใช่ครับลูก”
สัญญากันแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งกัน..
สัญญากันแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งกัน..
สายตาว่างเปล่าของเซฮุนทำให้ผู้เป็นแม่น้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ
ที่ไม่ปลุกเซฮุนมาส่งครอบครัวน้องลู่ก็เพราะกลัวว่าลูกชายของเธอจะรับไม่ได้ที่ต้องลาจากลู่หานไป..
เดาไม่ผิดเลยจริงๆว่าลูกชายเธอต้องเศร้ามากแน่ๆ
“ยู่จะกลับมาอีกมั้ยฮะ”
เสียงของเด็กน้อยนิ่งเรียบ คำว่าเสียใจมีอยู่เต็มใบหน้าแม้ว่าจะไม่มีน้ำตาสักหยด
“แม่ก็ไม่รู้..”
“...”
“...”
เซฮุนก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ..
เริ่มเข้าใจคำว่า ‘ย้ายบ้าน’ แล้วว่ามันเศร้าและใจหายยังไง ยังไม่ทันได้บอกลากันดีๆเลยด้วยซ้ำ
ครั้งสุดท้ายก็บอกลากันก็คือเมื่อวานตอนเย็น..
มันก็แค่โบกมือบ๊ายบายกันหลังจากเล่นเสร็จแล้วแยกย้ายเข้าบ้านใครบ้านมันเท่านั้นเอง
ใครจะไปรู้.. ว่ามันจะเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย
“งุนขอรูปนี้ไปตั้งไว้บนห้องนอนนะฮะแม่”
เซฮุนหมายถึงรูปคู่ที่งานโรงเรียน
“ได้จ้ะ”
“ถ้างุนคิดถึงยู่ งุนจะคุยกับยู่ได้ยังไงฮะ”
“เบอร์โทรศัพท์เค้าไม่ได้ทิ้งไว้เพราะไม่รู้เบอร์ของที่นู่น
แต่เค้าบอกว่าจะส่งจดหมายมาหาเราทันทีที่ทุกอย่างลงตัว ไว้เค้าส่งมาเมื่อไหร่
เราค่อยส่งกลับไปคุยเนอะลูก”
“ฮะ..”
มันดูเหมือนการรอที่ไม่มีจุดหมายเอาเสียเลย..
เรียกว่าติดต่อกันแทบไม่ได้เลยดีกว่า
เซฮุนหยิบกรอบรูปและถือมันเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน
ตั้งกรอบรูปเอาไว้บนหัวเตียงอย่างดี.. เด็กน้อยร้องไห้โยเยเสียงดังลั่นบ้าน
ร้องไห้จนหลับไปอีกรอบ..
ห่างกันไม่ถึงวันก็คิดถึงยู่หานแล้ว..
คิดถึง..
มันคิดถึงจริงๆ
.
.
.
.
“โตขึ้นแล้ว.. แกหล่อขึ้นนะ”
ลู่หานยิ้มกว้าง.. เขายังเหมือนเดิม
ดวงตากลมสวยสดใสนั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
‘แกก็..
น่ารักขึ้นนะ’
อยากจะบอกออกไปตามใจที่คิด
แต่ก็คงจะฟังดูแปลกๆถ้าอยู่ๆก็มาชมเพื่อนผู้ชายว่าน่ารัก
“แกก็ดีดูขึ้นนะ ไม่เป็นเหาแล้วดิ”
“ไอ้บ้า ยังจำได้อีกว่าเราเคยเป็นเหาอ่ะ”
ลู่หานหัวเราะ ท่าทางหัวเราะก็ยังเหมือนเดิมเลยให้ตายสิ..
คิดถึงโคตรๆเลยว่ะ
คิดถึงจนอยากดึงมากอดแล้วถามว่าหายไปไหนตั้งนาน
สบายดีไหม เป็นยังไงบ้าง เรียนเป็นยังไง สุขภาพโอเคไหม
คำถามมากมายนับร้อยอัดแน่นอยู่ในหัวแต่มันก็พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
เราสองคนยืนจ้องตากันและส่งยิ้มจางๆให้แก่กัน.. มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ
อยู่ๆทุกสิ่งที่ค้างคาในอดีต
มันกลับมาสานต่ออีกครั้ง..
“แก.. สบายดีมั้ย?”
.
.
TBC.
#ฤดูร้อนนี้มีเธอ
มันดีกับใจมากกกกก อ่านเพลินเลย แกอ่ะ อีกหน่อยแกก้อเปนแฟนกัน เราเชื่อ
ตอบลบฮื้อออ น่ารักจัง
ตอบลบ