วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

{SF} 「ฤดูร้อนนี้..มีเธอ」 - HUNHAN (#ฤดูร้อนนี้มีเธอ)

 {SF} ฤดูร้อนนี้..มีเธอ - HUNHAN 
(#ฤดูร้อนนี้มีเธอ)




            7:50 น.
            ..
            มันคือเวลาที่นักเรียนทุกคนควรจะอยู่ที่โรงเรียนแล้ว.. ยิ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกก็ยิ่งไม่ควรสาย เด็กหนุ่มตัวสูงในชุดนักเรียนมัธยมปลายชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างรถเมล์ ภาพตรงหน้าคือถนนที่มีรถอันมากมายมหาศาลติดยาวเหยียดไปถึงโลกหน้า เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกข้างนี้ก็ถึงโรงเรียนแล้ว มันจะติดอะไรนักหนาวะ จากที่แค่นั่งรถไม่ถึงห้านาทีกลับต้องมานั่งแหง็กอยู่ตรงนี้เป็นครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย
            พลิกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยใจอันร้อนรน เหลือเวลาอีกสิบนาทีก็จะเข้าแถวแล้ว.. เอาวะ! ลงมันตรงนี้แล้ววิ่งไปแล้วกัน น่าจะทันพอดี

            .. เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังแว่วมาเป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนมารวมตัวกันหน้าเสาธง โอเซฮุนคว้ากระเป๋าเป้สีแดงวิ่งพรวดพราดลงจากรถเมล์และวิ่งไปตามทางเท้า เสื้อนักเรียนสีขาวหลุดลุ่ยออกจากกางเกงลายสก็อตสีเทา เนกทงเนกไทปลิวพาดไปด้านหลัง ช่างแม่งครับ ตอนนี้รีบ!
            หลายคนก็มีชะตากรรมเดียวกันคือวิ่งกวดไปให้ทันเข้าแถวหน้าเสาธง เหงื่อกาฬเริ่มไหลซ่กมาตามขมับ ช่วงเปิดเทอมมันคือฤดูฝน.. ที่แม่งร้อนอบอ้าวจับใจไม่มีหนาวผสม

            เลี้ยวซ้ายข้างหน้านี้ก็ฟินแล้ว.. ทำเวลาหน่อยอีกสองนาที

            สองนาทีเท่านั้น..

            พลั่ก!!
            “โอ๊ย!
            “อ๊ะ!”   
            จู่ๆก็มีคนวิ่งมาชนเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังรีบไปให้ทันเข้าแถวจนหัวฟู คนที่วิ่งมาชนล้มลงกับพื้นเนื่องจากวิ่งสวนมาชนกันอย่างรุนแรง เด็กโรงเรียนเดียวกันนี่หว่า.. โรงเรียนไปทางนี้ แล้วทำไมเด็กนี่ถึงวิ่งสวนทางกับเขาล่ะ โรงเรียนจะเข้าอยู่แล้วนะว้อย!

            “เป็นไรป่ะ?”
            เซฮุนจับไหล่ของคนที่ล้มและพยายามประคองขึ้นจนกระทั่งเขายืนได้ปกติ เขาไม่เจ็บอะไร.. มีแค่ข้อศอกที่ถลอกนิดหน่อย ผิวขาวๆบางๆนั้นขึ้นสีแดงเป็นปื้นเชียวล่ะ

            “ไม่เป็นไรๆ เราขอโทษนะ”

            ...
            ทันทีที่เขาคนนั้นหันหน้ามาหาเซฮุน.. ความรู้สึกโลกหยุดหมุนเหมือนในนิยายมันก็เกิดขึ้นฉับพลันทันใด.. เราสองคนมองสบตากันนิ่งงัน ดวงตากลมโตประดับด้วยขนตางอนยาวเป็นเอกลักษณ์นั้นค่อยๆเบิกกว้างขึ้น..
            เขาชี้มาที่เซฮุน ส่วนเซฮุนก็ชี้ไปที่เขา..

            “ใช่.. เซฮุนป่ะ.. ?”

            “... ลู่หานป่ะ?”

.
.
.




            10 ปีที่แล้ว
           
          พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง แก้มแด๊งแดง แต่งตัวทาแป้งโผล่มา ยามเช้าตรู่ ฮู้ ฮูววว

            เด็กน้อยในชุดเอี๊ยมสีแดงทาแก้มแดงเหมือนเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่โบกมือไม้ไปมาเต้นประกอบเพลงพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง เด็กผู้ชายเต้นคู่กับเด็กผู้หญิง เด็กๆเต้นเข้าคู่กันอย่างน่ารักสมวัยให้ผู้ปกรองถ่ายวิดีโอลูกๆอยู่หน้าเวที

            “ลูกชายคุณน่ารักดีนะคะ คิกๆ”
            “ลูกชายคุณก็น่ารักค่ะ ดูซิ ยิ้มหวานให้กล้องเชียว”
            หญิงวัยสามสิบต้นๆยืนอัดวิดีโออยู่ข้างกันแถมยังหัวเราะคิกคักให้กับความน่ารักของเด็กๆบนเวทีซึ่งก็มีลูกของเธอสองคนอยู่บนนั้นด้วย คุณแม่ยังสาวสองคนน่ะบ้านอยู่ข้างกัน แถมลูกชายยังอายุเท่ากันเรียนโรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันอีกต่างหาก
            แม่ก็เป็นเพื่อนกัน ลูกยังเป็นเพื่อนกันอีก.. แฮปปี้นะคะชีวิต

            “ลูกฮุนนนนนนน ยิ้มให้กล้องแม่หน่อยลูก”
            “น้องลู่ครับ สู้ๆนะลูกกกกกกก”
            พอได้รับเสียงเชียร์จากแม่ เด็กชายอายุเจ็ดขวบทั้งสองคนก็ยิ่งยิ้มแฉ่งและตั้งใจเต้นอย่างเต็มที่เลย

          พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง แก้มแด๊งแดง แต่งตัวทาแป้งโผล่มา ส่งยิ้มให้คุณหนู ยิ้มน้อยยิ้มหย่ายย

            ท่าจบคือเอามือทำตัววีใต้คางเหมือนดอกไม้กำลังบานแฉ่ง ผู้ปกครองและคุณครูตบมือกันเกรียวกราวชื่นชมหนูน้อย พอจบการแสดงเด็กๆก็วิ่งลงจากเวทีมาหาคุณพ่อคุณแม่ เซฮุนและลู่หานเองก็เช่นกัน ทั้งสองวิ่งมาจากเวทีและกระโดดกอดคุณแม่พร้อมกัน พวกเธออุ้มลูกชายขึ้นแนบอก วันนี้มีงานโรงเรียนทำให้งดการเรียนการสอนทั้งวันเลย เสร็จกิจกรรมก็ว่าจะพาเด็กๆกลับบ้านกันแล้วล่ะ
            “ไปถ่ายรูปกันทีน้ำพุดีกว่าค่ะ วันนี้เด็กๆแต่งหล่อทั้งที”
            “ดีค่ะ เด็กๆจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ พอโตขึ้นและกลับมาดูรูปจะได้คิดถึงกัน เนอะลูกฮุน”
            “งุนไม่ถ่ายยูปกับยู่หรอก ยู่ไม่ชอบสระผม ยู่เป็นเหา!
            “เลาสระผมนะ เหาเลาก็หายแล้วด้วย”
            “เชื้อเหายังอยู่บนหัวยู่”
            “ไม่มี”
            “แหวะ ตัวเหา”
            “มะม๊า งุนว่ายู่ว่าเป็นตัวเหา”
            ดวงหน้ากลมน่ารักประดับด้วยขนตางอนยาวธรรมชาติหันมาหาผู้เป็นแม่ราวกับจะฟ้อง คุณแม่หอมแก้มลูกชายสุดน่ารักฟอดใหญ่เพื่อจะบอกว่ามีเธอคนนึงที่ไม่ได้รังเกียจเลยไม่ว่าลูกจะเห็นเหาหรือเป็นชันนะตุน่ารังเกียจ
            “เซฮุนเค้าพูดเล่นน่าลูก ไม่งอแงนะคนเก่ง เดี๋ยวจะหอบนะคะ”
            “เจ้าตัวดื้อ อย่าว่าน้องสิลูก”
            เป็นเพราะลู่หานเกิดหลังเซฮุนแปดวัน ดังนั้นบางครั้งแม่ของเซฮุนก็จะเรียกลู่หานว่าน้องและให้เซฮุนเรียกลู่หานว่าน้องด้วย หากแต่ลูกชายเธอนี่ก็เหลือเกินจริงๆ เรียกหนูลู่หานเป็นตัวนั่นตัวนี่ไปตามสถานการณ์ ล่าสุดน้องลู่เป็นเหา ก็เรียก ตัวเหาไปซะได้..

            “ก็ยู่เป็นเหานี่ฮะแม่”
            “ถ้าแม่ได้ยินลูกล้อน้องลู่ว่าตัวเหาอีก แม่ตีนะ”
            “...”
            เด็กชายยอมสงบปาก ไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ลู่หานแบร่ๆ ส่วนลู่หานก็ยู่ปากใส่กลับคืน.. เด็กสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกกัน แต่จริงๆแล้วเค้ารักกันมากเลยนะ.. เซฮุนก็แค่แกล้งไปเรื่อยตามประสาเด็กกำลังซน แต่ก็รู้ลิมิตไม่ได้เล่นแรงกับลู่หานเพราะรู้ว่าลู่หานนั้นเป็นโรคหอบหืด ดังนั้นคุณแม่ของลู่หานจึงได้ไว้ใจให้ลู่หานเล่นกับเซฮุนแค่คนเดียว เพราะเธอรู้ว่าเซฮุนจะไม่ทำร้ายลู่หานแน่นอน (นอกจากแกล้งหยอกด้วยคำพูดน่ะนะ)
           
            ทั้งสี่พากันเดินไปยังลานน้ำพุของโรงเรียนที่วันนี้ประดับประดาไปด้วยลูกโป่งเต็มไปหมด เด็กสองคนกระโดดลงจากอ้อมกอดแม่และวิ่งเข้าหาลูกโป่งหลากสีสัน ลู่หานโยนลูกโป่งให้เซฮุน เซฮุนก็รับและส่งให้ลู่หานต่อ ทั้งคู่หัวเราะกันสนุกสนานลืมเรื่องเหาไปซะสนิทเลย
            “โตขึ้นทั้งคู่คงจะเป็นเพื่อนรักกันนะคะ”
            คุณแม่ของเซฮุนพูด
            “ฉันมีเรื่องจะบอกน่ะค่ะ..” น้ำเสียงของแม่ลู่หานอ่อนลงราวกับสิ่งที่จะพูดเป็นเรื่องสำคัญ
           
            “อาทิตย์หน้าครอบครัวของเราจะย้ายไปอยู่ที่แดกู.. มันค่อนข้างกะทันหันน่ะค่ะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเราเลยตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับอาม่าของน้องลู่หาน เปิดร้านอาหารเล็กๆสักร้านหนึ่ง ตั้งตัวกันใหม่ที่นู่นเลย”
            “ตายจริง มันกะทันหันมากจริงๆค่ะ” แม่ของเซฮุนกุมอกอย่างช็อกๆ..
            “ตอนนี้เราก็ทยอยเก็บของกันเกือบหมดแล้ว บ้านก็ว่าจะปล่อยเช่า..”
            “ใจหายเลย.. มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ คนกันเอง”
            “ขอบคุณค่ะ”
            “เด็กๆก็คงใจหายเหมือนกัน..”
            คุณแม่ทอดมองเด็กน้อยทั้งสองวิ่งเล่นปาลูกโป่งใส่กันอย่างสนุกสนานไม่รู้ประสีประสา.. รอยยิ้มจางๆแต่น่าเศร้าของพวกเธอเด็กๆไม่ทันได้เห็นเลยแม้แต่นิด

            “ลูกฮุน น้องลู่ หยุดเล่นกันก่อนครับ มายืนข้างกันตรงนี้แล้วยิ้มกว้างๆเลยน้า”
            “ค้าบบบ/ค้าบบบ”
            เด็กชายเอี๊ยมแดงสองคนหยุดวิ่งเล่นและเดินมายืนข้างกันตรงหน้าลานน้ำพุอย่างว่าง่าย แม่ของเซฮุนเป็นคนถือกล้องถ่ายรูป ส่วนแม่ของลู่หานเดินเข้าฉากไปจัดท่าทางและเสื้อผ้าให้เด็กๆ ทั้งคู่จับมือกันแน่นและยิ้มกว้าง ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ถือลูกโป่งกันคนละสี

            “ยิ้มนะครับ ชีสสส”
           
            แชะ!
            สมัยนั้นยังเป็นกล้องฟิล์ม.. คุณแม่ของเซฮุนจึงถ่ายอีกสิบกว่ารูปจะได้อัดเก็บไว้ให้คุณแม่ลู่หานและน้องลู่หานดู รูปนี้อาจจะเป็นรูปสุดท้ายที่เด็กๆได้ถ่ายคู่กัน.. ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ครอบครัวของลู่หานจะกลับมาที่โซลอีก ไม่รู้ว่าโตขึ้นพวกเขาจะยังจำกันได้ไหม ไม่รู้ว่าวันเวลาข้างหน้าครอบครัวของเซฮุนจะยังอยู่ที่นี่หรือย้ายไปที่ไหนมั้ย..
            มันน่าเศร้า แต่ก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มและความทรงจำดีๆ
            หวังว่าโตขึ้น.. หากว่าทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง ขอให้ทั้งคู่จะยังจำกันได้นะ..

           
            หลังจากถ่ายรูปที่ลานน้ำพุเสร็จ คุณแม่ทั้งสองและลูกชายทั้งสองก็พากันกลับบ้านโดยรถยนต์ของคุณแม่ลู่หาน ทางเดียวกันประหยัดน้ำมัน ตลอดทางกลับบ้านเด็กๆที่นั่งเบาะหลังหลับสัปปะหงกหัวชนกันหลายโป๊กเลยล่ะ ถ้าลู่หานยังเป็นเหาอยู่ เซฮุนก็ติดเหาแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย
            “ถึงบ้านแล้วครับเด็กๆ ตื่นได้แล้ว”
            แม่ของเซฮุนเขย่าพุงเด็กน้อยทั้งสองเบาๆราวกับจะปลุกให้ตื่น เด็กชายลืมตาขึ้นงัวเงียและพากันกระโดดลงจากรถ เมื่อเด็กๆลงจากรถแล้วคุณแม่ของลู่หานจึงขับรถเข้าไปจอดในตัวบ้าน
            ในขณะที่ลู่หานกำลังยืนหาวหวอดอ้าปากกว้างเป็นจระเข้อยู่นั้น มือน้อยๆของเซฮุนก็เอื้อมมาจับมือของลู่หานหมับ
            “ไปปั่นจักรยานเล่นกันเถอะ”
            “เลาง่วงง่ะ”
            ขยี้ตาให้ดูอีกทีว่าง่วงจริงๆ
            “เชื้อเหาทำให้ง่วงด้วยหรอฮะแม่”
            เซฮุนหันไปถามผู้เป็นแม่ ทำให้เธอถึงกับหัวเราะพรืด
            “น้องลู่เค้าแค่ง่วงนอนน่ะลูก เชื้อเหามีที่ไหนล่ะบนโลกใบนี้”
            “นั่นสิฮะคุณน้า.. งุนอ่ะชอบขี้โม้”
            “ถ้าไม่มีเชื้อเหา งั้นก็ต้องไม่ง่วงสิ”
            “ไม่มีก็ง่วงอยู่ดี”
            “แม่ฮะ ทำยังไงยู่ถึงจะหายง่วง งุนอยากเล่นกับลู่”
            “ไม่กลัวเหาแล้วหรอหื้ม?”
            “กลัวฮะ แต่งุนแข็งแรง ไม่ติดเชื้อเหาหรอก”
            ผู้เป็นแม่ถึงกับหัวเราะออกมาอีกครา เด็กวัยนี้ช่างเถียงช่างเอาแต่ใจเสียจริง เซฮุนยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้เพื่อนหนึ่งเดียวในชีวิตตรงหน้าหายง่วงดี ในที่สุดเด็กน้อยก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมาทั้งสองข้างก่อนจะตรงเข้าไปจั๊กจี๋เอวของลู่หาน ต้องทำให้หัวเราะจะได้หายง่วง ร่างเล็กหัวเราะและดิ้นไปมาดิ้นมาเมื่อถูกจี๋เอว แถมยังวิ่งหนีเด็กหน้าหล่อขี้แกล้งไม่ให้จี๋กัน
            “คิกๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ งุน เราจั๊กจะดี๋นะ”
            “หายง่วงรึยัง”
            “หายแย้วว คิกๆๆๆๆ”
            เซฮุนยอมหยุดแต่โดยง่ายเพราะกลัวลู่หานจะหอบ.. มีครั้งหนึ่งที่เซฮุนเห็นลู่หานหอบเพราะถูกไอ้หมูแจฮยอนเด็กอ้วนซอยข้างๆแกล้ง เซฮุนแบกลู่หานขึ้นหลังวิ่งร้องไห้จ้ากลับมาบ้านเพราะสงสารลู่หานจับใจและทั้งกลัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาเซฮุนก็ไม่แกล้งลู่หานแรงๆอีกเลย ไม่เคยแม้แต่จะทำให้ลู่หานเป็นอะไรไป รอยถลอกหน่อยเดียวก็ไม่ยอม.. แถมยังคอยปกป้องไม่ให้เด็กซอยไหนมาแกล้งลู่หานอีก
            อาการหอบของลู่หานไม่รู้ว่าจะกำเริบตอนไหนบ้าง แต่ที่คุณแม่ของลู่หานบอกก็คืออย่าให้ลู่หานเหนื่อยมากๆหรืออย่าพาไปเล่นกับสัตว์ เซฮุนกลัว.. กลัวว่าลู่หานจะเป็นอะไรไปเขาจึงดูแลเด็กอ่อนแอคนนี้เป็นอย่างดี
            ถึงได้บอก ว่าเด็กสองคนนี้รักกันมากจริงๆ..

            “แม่ฮะ งุนไปปั่นจักรยานเล่นกับยู่นะ”
            “จ้า อย่ากลับบ้านค่ำนะ”
            “เดี๋ยวเลาไปเอาจักรยานกับบอกมะม๊าก่อน งุนถอยจักรยานมารอเลาหน้าบ้านนะ”
            “โอเค”
            ลู่หานวิ่งเข้าบ้านไปบอกมะม๊า ส่วนเซฮุนเดินเข้าบ้านของตนพร้อมกับผู้เป็นแม่ เด็กชายวิ่งไปหาจักรยานสีแดงคันโปรด เตะขาตั้งขึ้นและปั่นจักรยานมารอลู่หานหน้าบ้าน รอไม่นานเด็กน้อยตากลมโตสวยก็ถอยจักรยานคันสีเหลืองออกมาจากรั้วบ้านของตน
            “ไปไหนกันดี” ลู่หานถามก่อนที่เราจะออกตัวปั่นจักรยาน
            “ไปเล่นชิงช้ากันมั้ย”
            “อื้อ ไปสิ”
            หัวกลมพยักหน้าขึ้นลง เซฮุนยิ้มและปั่นจักรยานนำลู่หานไปก่อน ตรงปากซอยมีลานสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เด็กๆละแวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะมาเล่นกันที่นี่แหละ

            พอมาถึงสนามเด็กเล่นทั้งคู่ก็จอดจักรยานเอาไว้ข้างๆต้นไม้เพื่อหลบแดด ถ้าจอดตากแดดเบาะจะร้อน นั่งแล้วร้อนตูด พอจอดยานพาหนะเสร็จทั้งคู่วิ่งเข้าไปจับจองชิงช้ากัน แผ่นกระดานสีเหลืองของลู่หาน ส่วนสีขาวของเซฮุน ทั้งคู่แกว่งชิงช้าเล่นกันไป หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข แต่จู่ๆ.. เจ้าตัวป่วนที่ถูกขนานนามว่าเป็นไจแอนท์ของละแวกนี้ก็เข้ามายังสนามเด็กเล่น..
            เจ้าหมูแจฮยอน
           
            เซฮุนกระโดดลงจากชิงช้าและยืนบังลู่หานเอาไว้ ไอ้หมูแจฮยอนชอบแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเห็นว่าลู่หานไม่ค่อยแข็งแรงก็ยิ่งเป็นเหยื่ออันโอชะของมันเชียวล่ะ

            “ชิงช้าตัวสีเหลืองนั่นของข้า! ถอยไปซะ” เสียงหนักแน่นทรงพลังของเด็กอ้วนตะโกนข่ม
            “แต่ยู่มาเล่นก่อนนะ” เซฮุนกอดอกยืนเถียงกับแจฮยอนอย่างไม่เกรงกลัว ลู่หานหยุดแกว่งชิงช้าและมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกลัวๆ เป็นเพราะแจฮยอนเคยทำให้ลู่หานหอบ ลู่หานจึงฝังใจกับแจฮยอนเอามากๆ..
            “ข้าก็จะมาเล่น พวกเอ็งเล่นกันพอใจแล้วก็ออกไปซะ”
            “ไม่ ยู่ยังเล่นไม่เสร็จ”
            “ไอ้ก้าง! ชอบเด็กขี้โรคนี่หรือไงถึงได้มาคอยปกป้องนักหนา ถอยไปซะก่อนที่จะเจ็บตัว”
            ถ้อยคำกร่างๆจำมาจากในละครหลังข่าว.. มืออ้วนกำคอเสื้อของเซฮุนจนเด็กน้อยหายใจไม่ออกไอค่อกแค่ก แจฮยอนเหวี่ยงเซฮุนไปที่กองดินข้างๆจนเด็กตัวจ้อยล้มคลุกดินเปรอะตัวเต็มไปหมด ลู่หานมองเซฮุนอย่างตกใจและจะวิ่งไปดูแต่ก็ถูกแจฮยอนยึดรองเท้าแตะของลู่หานไปไว้กับตัว
            “เอารองเท้าเลาคืนมานะ!
            “อยากได้ก็วิ่งมาเอาคืนเซ่ ได้ข่าวว่าเป็นเหาด้วยนี่ แหวะ ลู่หานเป็นเหา ลู่หานเป็นเหา!
            “เลาหายแล้ว เอารองเท้าเลาคืนมา”
            “ลู่หานเป็นเหา ลู่หานเป็นเหา”
            เด็กอ้วนชูรองเท้าของลู่หานขึ้นแล้ววิ่งหนีให้ลู่หานวิ่งตามมาเอาคืน ลู่หานวิ่งตามด้วยเท้าเปล่า.. แถมยังตาแดงเหมือนจะร้องไห้ ทั้งถูกล้อว่าเป็นเหา ทั้งโดนแกล้งยึดรองเท้าไปอีก ลู่หานกลัวแจฮยอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งไม่อยากมีเรื่องกับคนๆนี้อีกเลย..

            “อย่าแกล้งยู่หานนะไอ้หมูแจฮยอน!!
            เสียงยังไม่แตกหนุ่มตะโกนดังไปทั่วสนามเด็กเล่นอย่างกราดเกรี้ยว เซฮุนได้ยินหมดทั้งมันล้อลู่หานว่าเป็นเหา ทั้งแกล้งให้ลู่หานวิ่งเหนื่อยอีก เซฮุนยันตัวลุกขึ้นจากพื้นถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บๆขาก็ตามที ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปปะทะตัวอ้วนๆหมูๆของแจฮยอนให้หยุดวิ่ง
            กลัว.. กลัวว่าลู่หานจะวิ่งไล่แจฮยอนจนเหนื่อยหอบอีกครั้ง แค่คิดน้ำตาของเซฮุนก็รื้นขึ้นมาเต็มเบ้าตา
            “เฮ้ย!” แจฮยอนหยุดวิ่งเพราะถูกเซฮุนกอดเอวเอาไว้
            “เอารองเท้าของยู่คืนมา!
            “โอ๊ย!! เอ็งกัดแขนข้าเรอะ”

            พลั่ก!

            “งุน!!!!!!!!!!
            ลู่หานวิ่งเข้าไปหาเซฮุนที่ล้มลงไปนอนกับพื้นหลังจากโดนแจฮยอนต่อยเข้าอย่างจัง เซฮุนปากแตก เลือดไหลซิบเลย.. ลู่หานร้องไห้ออกมาอย่างหนักและพยายามประคองตัวเซฮุนให้ลุกขึ้นยืน ไม่สนใจว่าตัวเองจะมีรองเท้าหรือไม่มี พยายามประคองเซฮุนไปยังจักรยานให้ได้ คนอย่างแจฮยอนทะเลาะด้วยก็เสียเวลาเปล่า รังแต่จะเจ็บตัวกับเจ็บใจ หนีออกห่างให้ไกลจะเป็รทางออกที่ดีกว่า
            “ไอ้เด็กอ้วนนิสัยไม่ดี! ไม่มีใครรัก!
            เสียงใสหันไปตะคอกใส่แจฮยอนที่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่อย่างกับรูปปั้นหมูสลัก แจฮยอนเองก็อึ้งเช่นกันที่ทำเซฮุนเลือดออกและเดินแทบไม่ไหว..

            “เอารองเท้าคืนไป”
            อย่างน้อยเด็กนิสัยไม่ดีก็มีจิตสำนึก แต่อย่างแจฮยอนน่ะไม่ได้วางคืนให้ดีๆหรอก เขาโยนรองเท้าคืนให้ลู่หานก่อนจะวิ่งแจ้นหนีกลับบ้านไป
            นิสัยไม่ดีเลย..

            “งุนปั่นจักรยานไหวมั้ย”
            “ไหว..”
            ดูก็รู้ว่าไม่ไหว.. ยังจะมาฝืนยิ้มให้อยู่ได้
            “เอาเสื้อเลาเช็ดเลือดก่อนเดี๋ยวม๊างุนดุ”
            “ไม่เป็นไรหรอก ยู่กลับบ้านไปก่อนเถอะ”
            “ได้ยังไงล่ะ มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ แถมงุนเจ็บอยู่ด้วยเลาทิ้งงุนไม่ลงหรอก”
            เด็กน้อยหน้าหล่อยิ้มจางๆให้กับถ้อยคำน่ารักเหล่านั้น หัวใจเหมือนถูกสูบฉีดจนพองโต..

            “งั้น.. อย่าทิ้งกันนะ สัญญา”
            “อื้อ สัญญา”
            คำสัญญาประทับตราด้วยเกี่ยวก้อย.. เซฮุนรู้สึกหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง

            ทั้งคู่ปั่นจักรยานของใครของมันกลับบ้าน ลู่หานไปส่งเซฮุนถึงมือแม่ของเซฮุนเลย แถมยังฟ้องอีกด้วยว่าแจฮยอนน่ะต่อยเซฮุนจนล้มแบะไปกับพื้นดิน แม่ของเซฮุนบ่นนิดหน่อยแต่ก็เข้าใจว่าเด็กแค่เล่นกัน แถมลูกของเธอก็ไม่ได้ปากเบี้ยวหรือขาหักอะไรตรงไหน สองสามวันก็หายดีวิ่งปร๋อได้เหมือนเดิมแล้วจึงไม่ได้เอาเรื่องอะไร
.
.

            หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..

            วันเสาร์เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะตื่นสายถึงแม้จะมีการ์ตูนยามเช้ามาล่อใจก็ตาม.. เซฮุนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนสิบเอ็ดโมงหลังจากได้ยินเสียงรถบรรทุกสตาร์ทดังมาถึงห้องนอน

            เด็กน้อยกลิ้งไปมาบนเตียงนอนลายอุลตร้าแมน นึกในใจว่าทำไมรถบรรทุกถึงได้มาแล่นอยู่ในหมู่บ้านกันนะ เซฮุนขยับตัวลงจากเตียงและเดินเตาะแตะมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถบรรทุกจริงๆด้วย.. มันเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กชายอายุเจ็ดขวบ เด็กน้อยยืนมองมันจนลับสายตา ลงไปโม้กับแม่ได้ใหญ่โตเชียวล่ะว่าเห็นรถบรรทุกคันใหญ่เบ้อเริ่ม..

          รถบรรทุกขนของคันใหญ่เหมือนย้ายบ้านเลย
           

            “แม่ค้าบ งุนเห็นรถบรรทุกผ่านหน้าบ้านเราด้วยล่ะ”
            พูดจ้อทันทีเมื่อลงบันไดจากบนบ้าน ผู้เป็นแม่กำลังจัดรูปใส่กรอบอยู่บนโซฟา.. เธอยิ้มเมื่อมองดูรูปในมือ ความทรงจำบางครั้งมันก็มาในหลายรูปแบบน่ะนะ.. ทั้งฝังอยู่ในใจ ทั้งเห็นเป็นรูปธรรม
            “หรอครับ คันใหญ่มั้ย”
            “ใหญ่มากเลยฮะ เหมือนขนของย้ายบ้านเลย เสียงสตาร์ทรถดังฮึ่มมจนงุนตื่นนอนเลย”
            ผู้เป็นแม่ได้แต่ยิ้ม.. ดวงตาบวมๆของเธอที่ผ่านการร้องไห้มาเมื่อกี้ลูกชายคงยังไม่สังเกตเห็นเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับรถบรรทุกอยู่

            “โอ๊ะ รูปงุนกับยู่นี่ฮะ”
            “ใช่แล้ว แม่ใส่กรอบให้แล้วเดี๋ยวเราเอาไปวางไว้ข้างทีวีนะ”
            “เอารูปให้ยู่ดูหรือยังฮะ”
            “ให้แล้วจ้ะ แม่อัดใส่กรอบให้เหมือนของเราเลยล่ะ”
            “งั้นงุนไปอาบน้ำดีกว่า ยู่ตื่นแล้ว งุนว่าจะพายู่ไปเล่นกองทราย”
            เด็กน้อยกระโดดดึ๋งลงจากโซฟาอย่างตื่นเต้น เมื่อวานมีกองทรายมาเทไว้ใหม่ที่สนามเด็กเล่น ถ้าพาลู่หานไปเล่นจะต้องสนุกมากแน่ๆ..
           
          “ครอบครัวของน้องลู่ย้ายบ้านไปแล้วลูก”
           
            พอได้ยินแม่พูดคำว่าย้ายบ้านไปแล้ว.. เซฮุนก็หยุดชะงักกึกอยู่กับที่ สำหรับเด็กเจ็ดขวบคำว่าย้ายบ้านอาจจะยังไม่รุนแรงกับจิตใจเท่าผู้ใหญ่ คิดแค่เพียงว่าย้ายไปก็กลับมาเจอกันได้ ไปไม่นานหรอก.. เด็กน้อยยังไม่เข้าใจว่าชีวิตน่ะไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย.. เราอาจจะไม่ได้เจอกับครอบครัวของลู่หานอีกก็เป็นได้

            “รถบรรทุกคันที่น้องฮุนเห็น.. เค้าขนของของบ้านน้องลู่ย้ายไปอยู่ที่แดกูน่ะลูก”
            “ยู่หานไปแล้วหรอฮะ..”
            “ใช่ครับลูก”
   
          สัญญากันแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งกัน..

            สายตาว่างเปล่าของเซฮุนทำให้ผู้เป็นแม่น้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ ที่ไม่ปลุกเซฮุนมาส่งครอบครัวน้องลู่ก็เพราะกลัวว่าลูกชายของเธอจะรับไม่ได้ที่ต้องลาจากลู่หานไป.. เดาไม่ผิดเลยจริงๆว่าลูกชายเธอต้องเศร้ามากแน่ๆ

            “ยู่จะกลับมาอีกมั้ยฮะ” เสียงของเด็กน้อยนิ่งเรียบ คำว่าเสียใจมีอยู่เต็มใบหน้าแม้ว่าจะไม่มีน้ำตาสักหยด
            “แม่ก็ไม่รู้..”
            “...”
            “...”

            เซฮุนก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ.. เริ่มเข้าใจคำว่า ย้ายบ้านแล้วว่ามันเศร้าและใจหายยังไง ยังไม่ทันได้บอกลากันดีๆเลยด้วยซ้ำ ครั้งสุดท้ายก็บอกลากันก็คือเมื่อวานตอนเย็น.. มันก็แค่โบกมือบ๊ายบายกันหลังจากเล่นเสร็จแล้วแยกย้ายเข้าบ้านใครบ้านมันเท่านั้นเอง
            ใครจะไปรู้.. ว่ามันจะเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย
           
            “งุนขอรูปนี้ไปตั้งไว้บนห้องนอนนะฮะแม่” เซฮุนหมายถึงรูปคู่ที่งานโรงเรียน
            “ได้จ้ะ”
            “ถ้างุนคิดถึงยู่ งุนจะคุยกับยู่ได้ยังไงฮะ”
            “เบอร์โทรศัพท์เค้าไม่ได้ทิ้งไว้เพราะไม่รู้เบอร์ของที่นู่น แต่เค้าบอกว่าจะส่งจดหมายมาหาเราทันทีที่ทุกอย่างลงตัว ไว้เค้าส่งมาเมื่อไหร่ เราค่อยส่งกลับไปคุยเนอะลูก”
            “ฮะ..”

            มันดูเหมือนการรอที่ไม่มีจุดหมายเอาเสียเลย.. เรียกว่าติดต่อกันแทบไม่ได้เลยดีกว่า
           
            เซฮุนหยิบกรอบรูปและถือมันเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน ตั้งกรอบรูปเอาไว้บนหัวเตียงอย่างดี.. เด็กน้อยร้องไห้โยเยเสียงดังลั่นบ้าน ร้องไห้จนหลับไปอีกรอบ..

            ห่างกันไม่ถึงวันก็คิดถึงยู่หานแล้ว..

            คิดถึง..


          มันคิดถึงจริงๆ




.
.
.
.


            “โตขึ้นแล้ว.. แกหล่อขึ้นนะ”
            ลู่หานยิ้มกว้าง.. เขายังเหมือนเดิม ดวงตากลมสวยสดใสนั้นก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

          แกก็.. น่ารักขึ้นนะ

          อยากจะบอกออกไปตามใจที่คิด แต่ก็คงจะฟังดูแปลกๆถ้าอยู่ๆก็มาชมเพื่อนผู้ชายว่าน่ารัก

            “แกก็ดีดูขึ้นนะ ไม่เป็นเหาแล้วดิ”
            “ไอ้บ้า ยังจำได้อีกว่าเราเคยเป็นเหาอ่ะ”
            ลู่หานหัวเราะ ท่าทางหัวเราะก็ยังเหมือนเดิมเลยให้ตายสิ..

          คิดถึงโคตรๆเลยว่ะ

            คิดถึงจนอยากดึงมากอดแล้วถามว่าหายไปไหนตั้งนาน สบายดีไหม เป็นยังไงบ้าง เรียนเป็นยังไง สุขภาพโอเคไหม คำถามมากมายนับร้อยอัดแน่นอยู่ในหัวแต่มันก็พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว เราสองคนยืนจ้องตากันและส่งยิ้มจางๆให้แก่กัน.. มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ

            อยู่ๆทุกสิ่งที่ค้างคาในอดีต มันกลับมาสานต่ออีกครั้ง..



            “แก.. สบายดีมั้ย?”

           

.
.

            TBC.
            #ฤดูร้อนนี้มีเธอ




2 ความคิดเห็น:

  1. มันดีกับใจมากกกกก อ่านเพลินเลย แกอ่ะ อีกหน่อยแกก้อเปนแฟนกัน เราเชื่อ

    ตอบลบ