วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

[SF] DANDELION - {HUNHAN} #ddlhunhan

DANDELION

           
          ดอกแดนดิไลออนสีขาว หมายถึงเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ และมิตรภาพ..

          ชายหนุ่มร่างผอมบางนั่งทอดกายอยู่บนโซฟาตัวเขื่องภายในห้องนอนของตน.. ฝ่ามือเล็กๆลูบปกสมุดเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนตักอย่างแผ่วเบา ลอบยิ้มออกมาน้อยๆที่สภาพของมันยังอยู่ดี.. เพราะเขาดูแลมันอย่างดีเท่าชีวิต..
            นั่งมองปกสีน้ำตาลเข้มของมันอยู่นาน.. ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มือสวยพลิกเปิดสมุดเล่มใหญ่นั้นขึ้นมาหน้าแรก.. ดวงตากลมราวกับลูกแก้วเจียระไนกวาดมองสิ่งที่อยู่ภายในนั้น ผ่านไปทีละหน้า.. ทีละหน้า..

          ผมจะเล่าเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งของผมให้พวกคุณได้ฟัง พวกคุณอยากฟังมันไหม..


           

            ผมรู้จักเขาครั้งแรกตอนที่เราทั้งสองคนอายุสิบแปดปี.. เสียงกลองดังกระหึ่มในตอนรับน้องทำให้ผมและเขาได้เจอกัน

            “น้องผมสีเทากับน้องตัวเล็กคนนั้น ออกมาครับ!
            ปลายนิ้วชี้ของพี่ว้ากชี้ไปที่เขาคนนั้นแล้วเลื่อนมาชี้ผม ผมยกมือขึ้นชี้ตัวเองเป็นคำถามว่าเรียกผมหรอ และผมก็ได้คำตอบเมื่อพี่อีกคนเข้ามาลากตัวผมออกไปเพราะผมลุกช้า ผมกับผู้ชายผมสีเทาตัวสูงคนนั้นยืนอยู่เคียงข้างกันที่หน้าแถว เราแอบเหล่มองกันหน่อยๆ เขาสูงมากๆและหน้าตาดีมากๆ.. เส้นผมของเขามีสีเทาซีดๆ.. จมูกโด่งเป็นสันและดวงตานี่คมกริบเลย ต่อไปเขาต้องได้เป็นเดือนหรือได้รับตำแหน่งเกี่ยวกับพวกหนุ่มหล่ออะไรสักอย่างแน่ๆ
            “มองไร”
            “เห? เอ่อ เปล่า..”
            “ชิ..”
            เสียงของเขาทุ้มดุเหมือนกับดวงตาของเขา ผมละสายตาออกมาจากใบหน้าที่ติดจะเหนื่อยหน่ายโลกแล้วยืนตัวตรง

            “ผมจะให้คุณสองคนช่วยกันเอาน้ำจากถังนี้ไปใส่ในถังนั้นจนได้ถึงขีดที่กำหนด ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วย ใช้ได้แค่ร่างกายเปล่าๆ ถ้าน้ำจากในถังนี้หมดก่อนที่ถังนู้นจะเต็ม เพื่อนพวกคุณทั้งภาคโดนผมซ่อมแน่ๆ ไม่ต้องกลัวหรอกไอ้หน้าหล่อ คุณแค่กำความหวังของเพื่อนทั้งภาคไว้ก็เท่านั้นเอง”
            “เหอะ..”
            ผมทำตาโตเมื่อเขาสบถเหอะออกมาต่อหน้าพี่ว้ากอย่างไม่เกรงกลัว แถมยังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ไม่ยืนตัวตรงระเบียบเชียร์แบบผม
            พี่ว้ากส่งสายตาคาดโทษไปให้เขาและก็เลยมามองคาดโทษผมไปด้วยเสียอย่างนั้น ผมพยายามอ่านป้ายชื่อสีชมพูที่ห้อยคอของเขาแต่เขาก็ยัดมันลงในเสื้อนักศึกษา ถ้าผมเป็นพี่ว้ากผมคงจับเขาซ่อมคนแรกเลย..

            “เก่งให้ได้เหมือนปากเถอะน้อง..”
            สิ้นคำพูดของพี่ว้ากก็ได้ยินเสียงนกหวีดเป่าดังปรี๊ดเป็นสัญญาณเริ่มให้เราสองคนทำกิจกรรม ผมวิ่งตรงไปที่ถังน้ำนั้นแล้วใช้มือตักรองน้ำ มันค่อนข้างทุลักทุเลเพราะน้ำคอยแต่จะไหลออกตามร่องนิ้วตลอดเวลา เมื่อไปถึงถังอีกใบมันก็เหลือน้ำอยู่แค่อุ้งมือ..
            ด้วยเพราะมันต้องทำเวลาผมก็เลยไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก ผู้ชายคนนั้นยืนกอดอกมองผมที่วิ่งเอาน้ำไปใส่ถังมารอบหนึ่ง ผมไม่สนใจว่าเขาจะช่วยหรือไม่ช่วย แต่เพื่อนทั้งภาคจะต้องไม่โดนซ่อมเพราะผมเป็นต้นเหตุแน่ๆ

“โง่หรือเปล่าวะ เอามือมานี่”
            ในขณะที่ผมกำลังเอามือรองน้ำในถัง เขาก็จับมือของผมแช่ลงไปใต้น้ำ พร้อมกับเอามือทั้งสองมือของเขารองใต้มือของผมอีกที.. ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม..
            และในที่สุดผมก็ถูกกระซิบด่าว่าให้เดินไปได้แล้ว มือของเขารองอยู่ใต้มือผมตลอด.. ด้วยเพราะมือของเขานั้นใหญ่ทำให้ช่วยเป็นกำแพงอีกชั้นหนึ่งไม่ให้น้ำไหลออก
จนกระทั่งเราสองคนทำภารกิจได้สำเร็จ..

            ด้วยเพราะเราสองคนเป็นตัวแทนทำภารกิจ พี่ว้ากก็เลยให้เราสองคนออกมากินข้าวก่อน แต่ไม่ได้มาแบบธรรมดาหรอก ที่ข้อมือของเรามีกุญแจมือคล้องติดกันอยู่ทำให้เราต้องเดินตัวติดกันอย่างเสียไม่ได้
            “ปัญญาอ่อนชะมัด”
            เขาสบถออกมาอย่างรำคาญพร้อมกับกระชากกุญแจมือไปมาทำให้ผมต้องแกว่งแขนตามเขาเพราะไม่งั้นมันจะโดนดึงเจ็บ
           
“โอ๊ย”
            “เป็นไร”
            “นายแกว่งแขนแรง อย่าลืมสิว่าแขนนายกำลังพ่วงแขนฉันอยู่นะ”
            ผมพูดออกไปหน้ามุ่ยๆ ข้อมือของผมมันขึ้นสีแดงเป็นปื้นเลย ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจเอาเสียจริงๆว่าทำไมผมต้องมาพัวพันกับผู้ชายที่ผิดระเบียบมหาลัยทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา
            เขาหัวเราะในลำคออย่างขำขัน.. ทำคนอื่นเจ็บแล้วมาหัวเราะเนี่ยนะ ให้ตายเหอะ
           
            “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดี๋ยวค่อยไปกินข้าว ได้ป่ะ”
            “อื้ม”
            ผมเดินตามแรงลากของเขามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องน้ำผมถึงพึ่งระลึกได้ว่าเขาจะต้องทำธุระส่วนตัว เรายื้อยุดกันอยู่หน้าห้องน้ำเสียนาน
            “ปวดฉี่โว้ย จะเข้าห้องน้ำ!
            “แต่ว่า นายไม่อายหรือไง”
            “อายอะไรผู้ชายด้วยกัน ห๊ะ เข้ามา ไม่อยากเห็นก็หลับตาลงซะ”
            ในที่สุดผมก็เดินตามเขาเข้ามาด้านใน ตอนที่เขาปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลงนั้นทำให้ผมหลับตาปี๋ มือไม้เกร็งไปหมด ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าแก้มของผมมันเห่อแดงไปทั่ว ผมเป็นลูกคนเดียวและก็ไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อกับใครแบบนี้เลย.. ผมรู้ว่าเขาไม่อาย แต่ผมอายแทนเขานะ

            “หลับตาปี๋เลยไอ้ตัวเล็ก ใครๆก็อยากมองร่างกายฉันทั้งนั้น นายไม่อยากหรอ”
            “ไม่เป็นไร เกรงใจ”
            เขาหัวเราะขำๆ “นายแม่งตลกว่ะ”
            “...”
            “มีเพื่อนยัง”
            “ยังหรอก วันนี้เปิดเทอมวันแรกเองนะ”
            “งั้นมาเป็นเพื่อนกันเอามะ”
            “ห้ะ?”
            ผมขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขาขอเป็นเพื่อนกันง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ.. แล้วทำไมเขาถึงอยากเป็นเพื่อนกับผมล่ะ
            “นายชื่ออะไร”
            “ลู่หาน.. นายล่ะ”
            “โอเซฮุน”



            หลังจากวันนั้นเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดในรั้วมหาลัย เพราะเราเรียนภาคเดียวกัน ตารางเรียนตรงกันทุกคาบ เราสองคนได้เรียนรู้นิสัยของกันและกันเรื่อยๆตามวันเวลาที่หมุนผ่านเลยไป.. มันทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมเราถึงยังคบกันรอดทั้งๆที่เราแตกต่างกันมากมายขนาดนี้ ถ้าผมเป็นสำขาว เขาคือสีดำ ถ้าผมเป็นนกพิราบสีขาว เขาก็คือจระเข้ตัวร้าย..
            เซฮุนเป็นคนที่นิสัยแย่.. แย่เอามากๆ เขาไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากคนที่เขาอยากสนใจจริงๆ ซึ่งมันมีน้อยมากสำหรับคนที่เขาคนใจ.. ตัวผมเองก็อยู่กึ่งๆระหว่างคนที่เขาสนใจและไม่สนใจ.. สำหรับคนที่เขาสนใจนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาจะสรรหามาให้ได้ทั้งหมด.. เขาจะเทคแคร์เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่สนใจ ขนาดบอกชื่อไปเมื่อกี้เขาก็ยังลืมเลย

            “ทำไรอยู่”
            เสียงทุ้มเอ่ยทักที่ข้างหู ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ม้านั่งในโรงอาหารช่วงเช้า ร่างสูงๆนั้นนั่งลงข้างผมแล้วควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
            “ซักผ้าอยู่มั้ง”
            “เหอะ”
            ผมยิ้มขำออกมาเล็กน้อยแล้วถามเขากลับ
            “แล้วนี่มายังไง”
            “บินมามั้ง”
            “เหอะ”
            ผมสบถเหอะกลับไปให้เขา มือใหญ่ๆนั้นผลักหัวผมแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น ผมมือยกขึ้นปิดปากสำลักเพราะควันพิษนั้นมันรุมผมเต็มๆ

            “ไปสูบไกลๆได้มั้ย”
            ผมบอกออกไป แต่เซฮุนก็ยังพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผมซ้ำๆ..
            “นิสัยไม่ดีเลยนะ”
            เสียงนิ่งๆของผมบอกออกไปด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่แพ้กัน ผมยันตัวขึ้นยืนแล้วรวบเก็บสมุดไว้ในแขนอย่างรวดเร็ว ก้าวเดินออกจากม้านั่งนั้นฉับๆไม่สนใจเซฮุนอีก ในเมื่อเขาไม่สนใจผม.. ผมก็จะไม่สนใจเขากลับคืน..

            วันนั้นผมไม่คุยกับเซฮุนทั้งวัน ผมกะจะทิ้งให้เขากินข้าวคนเดียว แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นผมซะเองที่ได้นั่งกินข้าวคนเดียว เพราะเขาออกไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น.. เขามีผู้หญิงมากมายที่มาให้เขาเลือกควงไม่ซ้ำหน้า เพียงแค่เขาโทรหากริ๊งเดียวพวกเธอก็พร้อมบึ่งรถมาหาเขาแล้ว ผมลืมบอกไปว่าเขาค่อนข้างมั่วผู้หญิง..
            มันเป็นสิทธิของเขา และเขาก็คงไม่อยากให้ผมยุ่งเรื่องนี้ด้วยเท่าไหร่ ปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ปิดหูไว้ข้างหนึ่ง รับรู้แค่สิ่งที่เขาอยากให้ผมรู้..
            ผมไม่ผิดใช่มั้ยที่ผมยังอยากให้เราสองคนยังผูกพันกันอยู่..


            เซฮุนเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างเพอร์เฟ็กต์ไปเสียทุกอย่าง.. ถึงเขาจะนิสัยแย่ไปหน่อยและทำตัวผิดระเบียบเกเร แต่ผลการเรียนเขาก็ยังออกมาดีเสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมช่วยเขาไม่ให้การเรียนตกหล่น อย่างน้อยก็จะได้มีเกรดสวยๆติดตัวไว้บ้าง..

จนกระทั่งเราขึ้นปีสาม.. พร้อมกับเซฮุนที่เริ่มเกเรหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มขาดเรียน สูบบุหรี่หนัก เสเพล และเปลี่ยนผู้หญิงควงทุกวันราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเริ่มเอาเขาไม่อยู่.. บอกอะไรไปเขาก็ไม่ฟังสักอย่าง.. แต่ผมก็ยังเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่คอยอยู่ข้างเขาอย่างคนโง่ๆ.. ออกไปหาเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเมาและกลับห้องไม่ไหว ผมเห็นมาทุกอย่างทั้งเวลาที่เขาเมาหยำเปและทั้งในตอนที่กำลังมั่วกับผู้หญิง..
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงยังอยู่กับเขาที่ตรงนี้ไม่ไปไหน..
ก็เพราะว่าเซฮุนยังอยู่กับผมที่ตรงนี้ไม่ไปไหนเช่นกัน..



“ลู่หาน”
“อื้อ”
“วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาอ่ะ” เขาบอกกับผมหน้านิ่งๆ เรากำลังเดินลงตึกเรียนมาด้วยกันในเวลาเลิกเรียน ผมหันหน้าขวับไปหาเขา
“เอามันไปจิ้มกำแพงเล่นๆมาอีกแล้วใช่มั้ย บอกแล้วไงว่าตอนเมาให้โทรเรียก”
“เดี๋ยวอย่าพึ่งบ่นดิ วันนี้ติดรถมินอา.. เออนั่นแหละติดรถเขามาอ่ะก็เลยไม่ได้ขับรถมา”
“...” ผมไม่รู้จะตอบเขาหรือถามอะไรเขาต่อ.. ทำได้เพียงแค่เงียบและก้าวเดินต่อไป

“นั่งรถเมล์ไปส่งคอนโดหน่อยดิ”
“อย่างนายเนี่ยหรอจะนั่งรถเมล์” ผมถามเสียงหลง เขาขับรถหรูทุกวันอยู่ๆจะมานั่งรถเมล์คงรู้สึกแปลกๆ
“อือ ไปส่งนะ”
“ก็..ก็ได้..”
ผมพยักหน้าช้าๆแล้วส่งยิ้มให้เขา.. มือเรียวสวยที่ไม่เคยหยิบจับทำงานอะไรเลยเอื้อมมายีหัวผมจนฟูไปหมด เราหัวเราะและส่งยิ้มให้กันไปมา.. หัวใจของผมมันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาแบบนี้ด้วยกันบ่อยๆ ผมถึงได้มีความสุขที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกัน แม้แค่เพียงสั้นๆก็ยังดี..

“ก้าวขึ้นไปสิเซฮุน”
ผมพูดบอกเมื่อรถเมล์มาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์แล้วแต่เขาก็ยังยืนเก้ๆกังๆขวางทางคนเป็นสิบ สีหน้าของเซฮุนเหมือนทำตัวไม่ถูกพร้อมกับหันมาหาผม ผมหัวเราะแล้วใช้สองมือดันหลังเขาให้ก้าวขึ้นบันไดไป
เราเลือกที่นั่งคู่ข้างกัน ผมนั่งติดหน้าต่าง ส่วนเซฮุนนั่งติดทางเดิน เขาจ่ายค่ารถเมล์ให้ผมด้วย
“จ่ายให้ ตอบแทนที่ไปส่ง”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
มือใหญ่นั้นยีหัวผมอีกครั้ง “รถเมล์อ้อมหรือเปล่า นั่งนานแค่ไหนกว่าจะถึง”
“ประมาณยี่สิบนาทีถ้ารถไม่ติดนะ”
เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเม็ดบนออกหนึ่งเม็ดพร้อมกับขยับไท รถเมล์ค่อนข้างเบียดเสียดทำให้อากาศค่อนข้างร้อนและอึดอัด สองสามวันมานี้เซฮุนทำตัวดีขึ้นจนผมนึกแปลกใจ เขาแต่งตัวถูกระเบียบแถมยังเข้าเรียนตรงเวลา แต่มันก็เป็นเรื่องดีๆทั้งนั้นผมก็เลยไม่ทักท้วงอะไรเขา..
“แล้วถ้ารถติดล่ะ”
“ก็.. เกือบชั่วโมงเลย”
ผมหัวเราะที่เขาทำหน้าสยองขวัญใส่ผม เขาจะมาโทษผมไม่ได้นะเพราะเขาเป็นคนเลือกเองนี่นา เรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย.. มองไปข้างทางก็พบว่าถนนยามเย็นมันรถติดจริงๆด้วย เซฮุนหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าและแบ่งให้ผมข้างหนึ่ง เขาเริ่มเปิดเพลงให้เราทั้งสองคนได้ฟังไปพร้อมๆกัน..

            ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเขาสะกิดไหล่ ผมเผลอหลับเอาหัวพิงไหล่เขาเสียนาน..
            “ถึงแล้ว นายจะนั่งคันนี้ต่อไปลงหน้ามหาลัยใช่ป่ะ”
            “อื้อ” ผมครางตอบเขาหน้าง่วงพร้อมกับยื่นหูฟังคืนเขาไปด้วย เซฮุนยิ้มขำๆแล้วส่งมือมาผลักผัวผมซ้ำๆจนแทบมึน
            “อย่าหลับเพลินจนเลยป้ายล่ะ ไปแล้วนะ กลับบ้านดีๆล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
            “บ๊ายบายนะเซฮุน”
            เขาโบกมือตอบผมแล้วลุกเดินลงจากรถเมล์ไป เพราะบ้านของผมอยู่ใกล้มหาลัยผมจึงเลือกนั่งรถเมล์ไปกลับเพราะมันสะดวกและค่ารถถูก ส่วนเซฮุนเขามีคอนโดที่พ่อแม่ซื้อให้ที่ใจกลางเมือง ดังนั้นเขาจึงต้องขับรถมาเรียนเอง
            มีคนมานั่งแทนเซฮุนแล้วที่เบาะข้างๆผม.. แต่ผมก็ยังยิ้ม.. และคิดถึงเสียงเพลงที่เขาเปิดให้ผมฟังวนซ้ำๆไปมาในหัวอยู่เลย..


           

            เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นในเวลาตีหนึ่งครึ่ง มือเล็กละจากการปั่นงานแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดอยู่บนเตียงมากดรับ เบอร์ที่โทรเข้านั้นเป็นเบอร์ของเซฮุน เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาคงเมาและโทรให้ผมไปรับเขาแน่ๆ แต่เปล่าเลย.. เสียงของเขาปกติไม่ได้เมา แถมยังพูดในสิ่งที่ผมไม่เชื่อหู..
            “พรุ่งนี้ตอนเย็น ไปดูหนังกันมั้ย..”
.
.
           
            “นึกคึกอะไรอยากมาดูหนังด้วยกันอ่ะ”
            “ดูไม่ได้ไง๊ เป็นเพื่อนกันมาสามปียังไม่เคยดูหนังด้วยกันเลยนี่หว่า”
            “ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้แปลกใจไง”
            ผมยืนกอดอกแล้วมองดูท่าทีของเซฮุนที่ทำยักไหล่ไปมาเหมือนมันไม่มีอะไรให้ต้องสนใจ เขาลากผมเข้าไปในโรงหนังเพราะใกล้ถึงเวลาฉายแล้ว
            หนังเล่นไปได้สักพัก.. เขาก็เลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม..

            “เราเป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว..”
            “หืม?”
            คำพูดของเขาทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันขวับไปมองหน้าของเซฮุน แล้วก็พบว่าใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก มากจนปลายจมูกของเขาแตะเฉียดกันไปมา ผมหดคอหลบเขาออกมานิดหนึ่งอย่างตกใจ แต่เขาก็ยังยื่นหน้าหล่อๆนั้นเข้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น
            กลิ่นบุหรี่จากลมหายใจของเขา.. และเสียงหัวใจที่เต้นแรงของผม..
           
            “ฉันอยากดูแลนายไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่อยากให้เราต้องเลิกกันถ้าหากเราเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นอย่างอื่น.. ฉันไม่อยากเสียนายไป”
            “...”
            “ตอนนี้ฉันยังดีไม่พอที่จะดูแลใครได้.. ยังดีไม่พอสำหรับนาย.. แต่ถ้าหากวันหนึ่งฉันดีพอที่จะดูแลนายได้ ถึงวันนั้นเราค่อยคุยกันอีกทีดีไหม..”
            “เซฮุน”
            “รอฉันนะ”
            “...”
            “...”
            “อื้อ..”

            คำพูดของเขาเหมือนน้ำฝนเย็นๆที่รินรดลงมาให้เมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ใต้ดินมานานได้มีความชุ่มฉ่ำ.. และจูบที่เขากำลังมอบให้กับผมมันช่างหวานละมุนเหลือเกิน.. เปรียบดั่งตราประทับของคำสัญญา..
            สัญญาของผมกับเขามันไม่ได้มีลายลักษณ์อักษร.. มันเป็นแค่คำพูดหรือลมปากที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากแต่ผมยังจำมันได้ทุกคำ.. และเซฮุนเองก็คงไม่ลืมคำพูดของเขาเช่นกัน..



            วันเวลาล่วงเลยผ่านมาเป็นเดือนหลังจากวันที่เขาบอกกับผมในโรงหนัง.. ผมกับเขาก็ยังคงสถานะเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลยจากวันแรกที่เราได้พบกัน.. เซฮุนก็ยังเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีคนเดิม แต่ผมกำลังก้าวเข้ามาอยู่ในระยะของความสนใจของเขาเพิ่มขึ้นอีกก้าวหนึ่ง

            “ไม่สบายหรอ”
            ผมทักเซฮุนที่กำลังเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับปิดปากไอค่อกแค่ก วันนี้เขาอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ แต่เส้นผมของเขายังคงเป็นสีเทาควันบุหรี่เหมือนเดิม
            “อืม เมื่อวานตากฝนน่ะ”
            “กินยาหรือยัง”
            “รอคนมาป้อนอยู่”
            เขาทำหน้าและสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว ผมได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคมๆของเขาที่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นหยอดหวานแล้วมันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆไปทั้งตัว.. มือใหญ่เอื้อมมาจับมือของผมพร้อมกับหัวเราะในลำคอขำๆที่เห็นผมหน้าแดง เราเดินไปทานข้าวที่โรงอาหารของคณะด้วยกันในยามเช้า ไม่จำเป็นต้องทานข้าวในร้านแพงๆเหมือนที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่น แค่เราสองคนอยู่ด้วยกัน.. แค่ได้อยู่ด้วยกันในทุกๆวัน..

            “แค่กๆ”
            “หยุดเรียนไปพักมั้ยเซฮุน” ผมวางช้อนข้าวลงแล้วถามเมื่อเห็นเขาปิดปากไอไม่หยุดเลย
            “ไม่เป็นไร เอ่อ ลู่หาน เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า”
            “ก็ว่างนะ”
            “ไปเที่ยวสวนสนุกกันมั้ย”
            เซฮุนเปิดกระเป๋าข้างตัวแล้วหยิบตั๋วสวนสนุกออกมายื่นให้ผมหนึ่งใบ ผมมองตั๋วสลับกับมองหน้าเซฮุน อย่างเขาน่ะหรอที่จะไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเป็นเด็กๆ
            “ทำไม ฉันอยากเที่ยวสวนสนุกบ้างไม่ได้หรือไง”
            ผมปิดปากหัวเราะที่เห็นเขาทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “ไปก็ไป..”
            มือเล็กยื่นไปรับตั๋วใบนั้นมาเก็บลงกระเป๋า ผมเห็นเซฮุนแอบยิ้มมุมปากเล็กๆด้วย.. ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วควักซองบุหรี่ขึ้นมาจะจุดสูบ ผมรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ทันที
            “ไออยู่ไม่ใช่หรอ จะสูบทำไม”
            เขายักไหล่ให้ผมอย่างไม่ใส่ใจคำพูดห้ามแล้วเดินออกไปด้านนอกโรงอาหารเพื่อสูบบุหรี่ ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันทั้งเป็นห่วงและน้อยใจที่เขาไม่ยอมฟังผม.. เขาบอกว่าเขายังไม่ดีพอสำหรับผม เขายังดูแลใครไม่ได้.. เพราะขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย..

            เซฮุนยังคงดื่มและเที่ยวเป็นปกติของเขา ถึงจะน้อยลงไปมากแต่ผมก็ยังต้องออกไปรับเขาที่เมาหยำเปคั่วผู้หญิงกลับมาส่งที่คอนโดของเขาอยู่เรื่อยๆ ผมอยากจะเข้าใจเขาว่าชีวิตวัยรุ่นมันมีแค่ครั้งเดียว โชคดีที่เขาไม่เล่นยา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันถูกต้อง
มีสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเขาอยู่อย่างหนึ่ง.. นั่นคือเขาเคยคิดถึงใจของผมบ้างหรือเปล่า
            สัญญานั้นของเรา ผมต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน..


           
            และแล้ววันเสาร์ก็มาถึง ผมตื่นเต้นแค่ไหนก็ดูจากการที่ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพราะนอนไม่หลับทั้งคืนก็แล้วกัน.. ร่างเล็กยืนรออีกฝ่ายที่นัดกันสิบโมงตรงหน้าสวนสนุกแห่งหนึ่งในตัวเมือง เป็นเพราะบ้านของเราอยู่คนละทางเลยทำให้เราตกลงกันว่ามาเจอกันที่นี่ดีกว่าให้เซฮุนขับรถวนไปวนมามารับผมที่บ้าน
            ผมยืนรออยู่ข้างๆมาสคอตตัวการ์ตูนน่ารัก ก้มลงมองบัตรเข้าสวนสนุกในมือแล้วก็อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่.. ได้เที่ยวสวนสนุกกับเซฮุนครั้งแรก.. ผมยังตื่นเต้นไม่หายเลย ไม่มีใครรู้ว่าผมชอบแค่ไหนที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับเขา อาจจะฟังดูตลกที่ผมก็มีมุมนี้กับเค้าด้วย.. แต่ใครๆก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรักและใช้เวลาของเราสองคนไปด้วยกัน..

            แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆและผมที่เริ่มยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ขมับ ยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว เซฮุนยังไม่มา และผมยืนรอเขามาหนึ่งชั่วโมงเต็ม.. จากใบหน้ายิ้มแย้มของผมเริ่มหุบลงเรื่อยๆจนกลายเป็นนิ่งสนิท เกิดคำถามมากมายภายในใจของผม.. และความรู้สึกหลากหลายที่อัดอั้นตีกันวุ่นวาย เขาเป็นคนชวนผมให้มาเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน.. ผมวาดฝันไว้ว่ามันต้องดีมากแน่ๆ.. แต่มันก็แทบพังทลายลงไปจนเกือบหมดแล้ว
            ผมตัดสินใจโทรออกหาเขา.. แต่ก็ไม่มีคนรับสาย
            ผมกัดฟันและอดทนยืนรอเขาต่ออีกสองชั่วโมง.. สองชั่วโมงที่ผมเหลือแค่ความหวัง

สุดท้ายผมก็ฉีกบัตรเข้าสวนสนุกนั้นทิ้งแล้วเดินขึ้นรถเมล์กลับบ้านของผมด้วยหัวใจที่ด้านชา..

.
.

            หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอกับเซฮุนอีกเลย จนล่วงเลยเข้ามาถึงวันที่ห้าที่ผมไม่ได้เห็นหน้าหรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงของเขา เขาขาดเรียนและไม่รับโทรศัพท์ ผมไปหาเขาที่คอนโดแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย เซฮุนหายไป ผมไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย..
            ผมคิดถึงเขา.. และเป็นห่วงเขาเหลือเกิน..
            ผมไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเขาจะใจร้ายกับผมไปถึงเมื่อไหร่ ผมรู้แค่ว่าผมอยากที่จะดูแลเขา อยากเจอหน้าเขา.. เขาไม่จำเป็นต้องสนใจผมมากก็ได้ แค่ให้ผมได้อยู่ในระยะที่มองเห็นเขาและดูแลเขาได้ก็พอแล้ว..
           
            โทรศัพท์ของผมแผดเสียงดังขึ้นในเวลาตีสอง.. โชคดีที่ผมข่มตานอนไม่ค่อยหลับทำให้ผมรับสายของเซฮุนได้ทันก่อนที่มันจะตัดไป ผมฟังเสียงจากปลายสายก็พบว่าไม่ใช่เสียงของเซฮุนแต่เป็นเพื่อนคนไหนของเขาก็ไม่รู้บอกให้ผมไปรับเซฮุนพร้อมกับชี้แจงที่อยู่ ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ก้าวลงจากเตียงด้วยชุดนอนพร้อมเสื้อคลุมกันหนาวแล้วขับรถตรงไปหาเซฮุนทันที

            สภาพของเขาเมามายแทบไม่ได้สติ.. ผมใช้เวลาจัดการให้เซฮุนขึ้นมาอยู่บนเตียงที่ห้องคอนโดของเขาไปเกือบสองชั่วโมง ถอดรองเท้าออกให้และจัดการเช็ดตัวให้กับคนเมาที่นอนครางเพ้อราวกับคนบ้า.. มือเล็กลูบใบหน้าและไรผมของเขาแผ่วเบาราวกับจะปลอบให้เขาสงบลงและหลับฝันดี..

            “หายไปไหนมา..”
            เสียงใสสั่นเทาเอ่ยถามแผ่วโดยไม่หวังคำตอบใด..

            “เป็นห่วงนะรู้มั้ย อย่าหายไปไหนนานๆอีกได้มั้ย..”
            ไร้เสียงตอบกลับใดๆ.. นอกจากเสียงลมหายใจของคนที่นอนหลับไปแล้วอยู่บนเตียงกว้าง ได้ยินเสียงของเขาไอค่อกแค่กออกมาสองสามครั้ง เขายังไม่หายดีแต่ไปดื่มเที่ยวจนเมาเละขนาดนี้ได้ยังไง..

            ร่างเล็กนอนฟุบลงข้างๆเขา จัดแจงห่มผ้าห่มให้กับคนตัวใหญ่แล้วสวมกอดเขาเอาไว้ตลอดราตรีกาล..
.
.

            แสงสว่างส่องลอดผ้าม่านเข้ามาภายในห้องนอน.. เปลือกตาบางเปิดขึ้นมาก็พบกับใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มนอนฟุบหัวบริเวณหน้าท้องของเขาและสวมกอดเขาเอาไว้แน่น.. ใบหน้านิ่งๆนั้นแสดงความรู้สึกของเขาออกมาในยามที่อีกฝ่ายไม่เห็น มือเรียวเลื่อนลงไปลูบเส้นผมนุ่มมือนั้นแผ่วเบาราวกับไม่อยากรบกวนเวลาที่ลูกกวางตัวน้อยแสนดีที่กำลังหลับใหล..
            ผ่ามืออบอุ่นผละออกจากหัวกลมนั้นทันทีพร้อมกับตีสีหน้านิ่งเรียบเมื่ออีกฝ่ายขยับตัว..
           
“ตื่นแล้วหรอเซฮุน..” หัวกลมๆนั้นผงกขึ้นมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มแย้มทักทายยามเช้า
            “อืม นายกลับไปได้แล้วไป”
            “กินข้าวกินยาก่อนนะเดี๋ยวไปทำข้าวต้มให้ รอแป๊บนึง” ร่างเล็กทำท่าจะยันตัวลุกขึ้น
            “บอกให้กลับไปไง”
            เสียงตะคอกนั้นทำให้ลู่หานผงะตกใจ.. เซฮุนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาดึงลู่หานให้ลุกขึ้นยืน มือใหญ่บีบเข้าที่ต้นแขนบางแล้วออกแรงลากให้ลู่หานออกไปจากห้องของเขา หากแต่ลู่หานก็ใช้มือจับขอบประตูห้องนอนเอาไว้แน่นอย่างไม่ยอมแพ้
            “นายต้องกินยานะเซฮุน”
            “กินยาอะไรมันก็ไม่หายหรอก ออกไป”
            “งั้นกินข้าวก่อนก็ได้”
            “พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
            “แล้วนายล่ะเซฮุน ไอคอกแค่กทั้งคืนยังออกไปเที่ยวกินเหล้าสูบบุหรี่ นายคิดว่าร่างกายนายทำด้วยเหล็กหรือไง แล้วคิดบ้างมั้ยว่าคนอื่นเค้าจะเป็นห่วงนายมากมายแค่ไหนน่ะ”
            “...”
            “ฉันเป็นห่วงนายนะเซฮุน อย่าทำอย่างนี้อีกได้มั้ย นายห่วงตัวเองหน่อยสิ ขอร้องล่ะ..”
           
            ตาคมมองกวาดดูสภาพของอีกฝ่าย ขอบตาคล้ำราวกับอดนอนมาหลายวัน.. ใบหน้าที่เคยสดใสดูซูบผอมลงไปนิดหนึ่ง มันอาจไม่ได้ดูผิดสังเกตไปมากนัก แต่คนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันกลับมองเห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อยเหล่านั้น..
            ฝ่ามือใหญ่ราวกับคีมเหล็กหนาเมื่อครู่ปล่อยออกจากต้นแขนบาง.. เขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งเพื่ออาบน้ำ ลู่หานลอบยิ้มออกมาเล็กๆที่เขายอมฟังกันบ้างแล้ว ร่างเล็กยืนมองเขาที่ปิดประตูห้องน้ำไปแล้วแล้วจึงเดินมายังห้องครัว จัดแจงทำข้าวต้มง่ายๆให้คนดื้อได้ทาน..

            ข้าวต้มร้อนๆหอมฉุยถูกวางบนโต๊ะพร้อมกับแผงยาพารา คนหน้าหวานเก็บของในครัวไปเรื่อยรออีกคนออกมาจากห้องนอน ไม่นานเขาก็ออกมา..
            ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ลู่หานมั่วแต่ง่วนอยู่กับการทำความสะอาดจึงไม่ได้มองดูเขา ได้แต่พูดบอกเขาอย่างเป็นห่วง
            “มันร้อนนะ ค่อยๆทาน”
            “นายไม่ไปเรียนหรอ”
            “หยุดดูแลนายวันนึงก็ได้ นายขาดเรียนไปเกือบอาทิตย์เลกเชอร์เยอะมากเลยรู้มั้ย”
            “ลู่หาน..”
            “ฮื้ม”
            แขนยาววาดสวมกอดเอวเล็กๆแล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอและไรผม.. ซึมซับไออุ่นของกันและกันอยู่อย่างนี้ ลู่หานตกใจปนอึ้งเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ระบายยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่..

            “ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกๆอย่างเลย”
            “เป็นไรเนี่ย อยู่ดีๆก็มาทำซึ้ง”
            “ช่วยซึ้งด้วยหน่อยดิ..”
            “โอเคๆ.. ฉันตั้งใจทำให้นายด้วยความเต็มใจ เพราะงั้นมันไม่ได้เหนื่อยหรือลำบากอะไรเลย.. ขอแค่นายมีความสุขให้มากๆ เท่านั้นก็ดีใจแล้วนะ”
            “...”
            แรงสวมกอดบริเวณเอวแน่นขึ้นไปอีก ปล่อยให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกันสักพักเขาก็ผละออกไป.. ลู่หานยิ้มกว้างให้กับเขาพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีเลือดฝาดจางๆ
เรานั่งทานข้าวด้วยกัน เล่นเกม ดูหนัง นอนก่ายกันอ่านหนังสือ.. ใช้เวลาของวันนี้ไปด้วยกัน มันอาจจะเป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง แต่มันเป็นวันที่พิเศษสำหรับเราสองคน..

จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินลงไป.. ร่างเล็กยืนลับลมเย็นๆอยู่ที่ระเบียงคอนโดพร้อมกับมองแสงไฟในตัวเมืองที่ยิ่งมืดก็ยิ่งเห็นชัดเจน สัมผัสสวมกอดบริเวณเอวบางเกิดขึ้นอีกครั้งโดยคนๆเดิม..
“ลู่หาน”
“อื้ม” เสียงหวานตอบรับ
“จำสัญญาที่ฉันเคยให้ไว้ที่โรงหนังคราวนู้นได้มั้ย”
“จำได้สิ” รอยยิ้มหวานประทับอยู่บนริมฝีปากเล็กๆเมื่อคิดถึงตอนนั้น

“นาย..ไม่ต้องรอฉันแล้วนะ”
“...”
“...”
“มะ..หมายความว่าไง”
“เลิกรอฉันได้แล้วลู่หาน.. ฉันดีไม่พอสำหรับนายหรอก ฉันไม่มีวันดีพอสำหรับนาย..”
ราวกับหัวใจดวงน้อยหยุดเต้นไปกะทันหัน.. รู้สึกลำตัวชาไปหมดทุกส่วนจนแทบไม่มีแรงจะยืน.. รอยยิ้มหวานค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นใบหน้านิ่งเรียบและสับสน หยาดน้ำใสคลอหน่วยและเริ่มหายใจติดขัดด้วยความจุก..
จนกระทั่งหยดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย.. ถึงได้เปล่งเสียงอันสั่นเทากระท่อนกระแท่นถามออกไป

“ทำไม..”
“นายต้องเจอคนที่ดีกว่าฉันแน่ๆลู่หาน อย่ามาจมปลักอยู่กับฉันเลย..”
“ไหนเคยบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกันเพราะไม่อยากเสียฉันไปไง.. ทำไมอยู่ๆถึงได้ปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ นายใจร้ายเกินไปแล้วเซฮุน.. ใจร้ายเกินไปแล้ว.. ฮึก..”
“เพราะฉันมันใจร้ายกับนายไงลู่หาน..”
“...”

ความรู้สึกของลู่หานราวกับดิ่งลงเหว.. เสียใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว หัวใจของลู่หานอยู่ในกำมือของเขาเสมอ และตอนนี้เขากำลังบีบมันแน่นจนแทบแหลกละเอียด..
แต่ลู่หานไม่รู้.. ว่าตลอดเวลาที่เซฮุนพูดนั้นเขากัดฟันแน่นเพื่อกดเสียงไม่ให้สั่นแค่ไหน ภายในใจของเขาก็ไม่ต่างจากลู่หานเท่าใดนัก.. ยิ่งเอ่ยถ้อยคำร้ายเหล่านั้นออกไปก็ยิ่งเจ็บปวดแสนสาหัส..

“เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่บ้าน.. ค่ำแล้ว”
“ไม่.. ไม่เป็นไร”
เสียงสะอื้นเสียใจดังก้องอยู่ในหูของเขา.. มือเล็กจับมืออีกฝ่ายให้ปล่อยออกจากเอวแล้วหมุนตัวเดินออกไปด้วยก้าวที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าใดนัก หยดน้ำตาร่วงหล่นลงเป็นสาย.. ร่างกายราวกับไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว..
ระยะความสนใจของเซฮุน.. ลู่หานโดนเขาผลักออกมาไกลแสนไกล..
ไกลจนลู่หานไม่สามารถสัมผัสเขาได้อีกแล้ว..
.
.
.



ใบไม้สีแดงร่วงหล่นลงบนพื้นบ่งบอกว่าฤดูกาลได้เปลี่ยนผันหมุนวนไปตามกาลเวลา.. ผมอยู่ปีสี่และกำลังจะได้เป็นบัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมยังไม่คบใครเป็นตัวเป็นตน.. เพราะหัวใจของผมมันมีแต่เขาอยู่เต็มทั้งดวง.. ผมลบเขาออกไปไม่ได้ถึงแม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม..
เซฮุนผลการเรียนแย่มากและเกือบโดนรีไทร์ โชคดีที่เกรดเทอมก่อนๆของเขาทำได้ดีจึงพอช่วยพยุงเอาไว้ได้บ้าง เขาขาดเรียนบ่อยขึ้น แถมยังกลับไปกินเที่ยวสูบบุหรี่หนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ผมได้มองดูเขาอยู่ห่างๆในที่ตรงนี้ ในที่ๆเขาขีดเส้นจำกัดให้กับผม..
เราคุยกันบ้างเมื่อมีโอกาส คอยให้เขายืมเลกเชอร์ในเวลาที่เขาขาดเรียน ผมทำได้เพียงแค่นี้..

ช่วงหลังๆมานี้เซฮุนขาดเรียนบ่อยจนกลายเป็นว่าเขาไม่มาเรียนเลย เขาหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว.. จนกระทั่งผมตัดสินใจโทรหาเขา ผมถึงได้รู้สาเหตุว่าที่เขาขาดเรียนบ่อยๆนั้นมันเป็นเพราะอะไร..

“ฮัลโหล” เสียงของหญิงวัยกลางคนเป็นคนรับสายแทนเซฮุน
“เอ่อ สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเซฮุน”
“อ่อ.. ว่าไงจ้ะ”
“เซฮุนไปไหนหรอครับ เขาขาดเรียนไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ผมเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะหมดสิทธิ์สอบ”
“เซฮุนไม่ได้บอกหนูหรอลูก”
“มีอะไรหรอครับ”
“เขาป่วย..”
เสียงของผู้เป็นแม่เริ่มสั่นไหว.. ผมที่ฟังอยู่ก็เริ่มใจไม่ดี..

“เซฮุนเลือดเป็นบวก.. เขาติดเชื้อHIVตั้งแต่ปีที่แล้ว อาการพึ่งจะมาทรุดหนักเอาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง.. เซฮุนกินยาไม่เป็นเวลาตามคำสั่งของหมอ แถมร่างกายยังทรุดเร็วเพราะเขาดื่มแล้วก็สูบบุหรี่หนัก.. เราทำใจกันแล้วลูก..”

โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือของลู่หานหลังจากฟังประโยคจากแม่ของเซฮุนจบ ร่างเล็กที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นๆภายในห้องนอนของตน.. สมองว่างเปล่าไปหมด ไม่มีคำพูดใด.. ไม่มีแม้แต่เสียงใดที่หลุดลอดออกมาจากกลีบปากบาง.. ลำตัวชาไปทุกส่วน เขาไม่เคยบอกลู่หานเกี่ยวกับอาการป่วยเหล่านี้ วันที่เขามาเรียนก็ยังดูปกติ.. ลู่หานคิดว่าที่ร่างกายเขาดูทรุดโทรมก็เพราะว่าเขาดื่มหนักก็เท่านั้น ทำไมถึงไม่เอะใจอะไรเลยสักอย่าง.. ทำไมนะ..
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงโดยไร้เสียงสะอื้น.. มันทั้งสับสนและเจ็บจุกอยู่ภายในใจ ที่เขาบอกให้ลู่หานเลิกรอเขา ที่เขาบอกว่าเขาไม่มีวันดีพอสำหรับลู่หาน มันเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม..

มือบางอันสั่นเทาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดต่อสายหาเบอร์เซฮุนอีกครั้งหนึ่ง

“ตอนนี้เซฮุนอยู่ที่ไหนหรอครับ..”

.
.

ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบไปตามทางเดินของอาคารผู้ป่วย ไม่สนใจว่าขาของตนจะปวดหนึบเมื่อยล้าแค่ไหนจากการวิ่งมาเป็นระยะทางไกล จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งที่แม่ของเซฮุนเป็นคนบอกว่าเซฮุนอยู่ที่นี่ หัวใจเต้นถี่กระหน่ำรุนแรงผสานกับปวดหนึบไปในคราเดียวกัน..
มือเล็กกำลังยกขึ้นจะเคาะประตูหากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหญิงวัยกลางคนเดินเปิดประตูออกมาเสียก่อนพร้อมกับหมอสองสามคน..

ลู่หานโค้งให้คุณหมอและโค้งให้แม่ของเซฮุน.. ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มได้ด้วยหยดน้ำตา.. ลู่หานกัดฟันแน่น แล้วฟังประโยคกระท่อนกระแท่นของผู้เป็นแม่ก่อนที่เธอจะปิดปากร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“เซฮุนไปสบายแล้วลูก..”

ใบหน้าหวานนิ่งชะงักไปราวกับลมหายใจขาดห้วงกะทันหัน.. สมองอื้ออึงไปหมดราวกับคนที่ไร้สติ หัวใจดวงน้อยมันแตกสลายไปแล้ว..
ลู่หานอยากให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน.. ภาพทุกอย่างที่ลู่หานเคยมีเซฮุนอยู่เคียงข้างกายมันไหลวนย้อนกลับเข้ามาซ้ำๆ ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่เขาอยู่กับลู่หานบนโลกใบนี้..

“หนูคือลู่หานใช่มั้ยลูก เซฮุนฝากนี่มาให้หนูด้วย..”
ใบหน้าเหม่อลอยไร้ซึ่งหยดน้ำตาหากแต่แววตาเจ็บปวดราวกับหัวใจแตกสลายนั้นทำให้ผู้เป็นแม่ยิ่งปิดปากร้องไห้หนัก.. เธอยื่นสมุดปกหนังเล่มหนึ่งให้กับลู่หาน มันเหมือนกับสมุดวาดเขียนทั่วๆไป.. มือเล็กเอื้อมไปรับสมุดเล่มนั้นจากแม่ของเซฮุน..
ทันทีที่ลู่หานได้รับสมุดเล่มนั้นก็สวมกอดมันไว้แนบอก ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูเป็นสาย.. เสียงสะอื้นไห้นั้นจวนเจียนจะขาดใจ

เขาช่างใจร้ายกับลู่หานเหลือเกิน.. เขาใจร้ายเกินไปแล้ว..
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะใจร้ายกับลู่หานมากเพียงใด..
ลู่หานก็ยังคงรักเพียงแค่เขา.. รักเขาตลอดไป..


.
.
.



            ดวงตากลมสวยกวาดมองตัวหนังสือจากลายมือหวัดๆนั้น.. ลายมือของเซฮุน.. มือบางลูบตัวหนังสือเหล่านั้นด้วยความคิดถึง อ่านตัวหนังสือของเขาทุกครั้งก็จะมีเสียงของขาพูดอยู่ในหัวราวกับกรอเทปไปมา.. ลู่หานจำเสียงของเซฮุนได้เสมอ..

          ถ้านายเปิดอ่านสมุดเล่มนี้นายคงตกใจแน่ๆเลยที่ฉันเองก็มีมุมหน่อมแน้มอย่างนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนมันเมื่อไหร่ดี ฉันก็เลยตกลงกับตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกเกินเพื่อนกับนาย ฉันจะเริ่มเขียนไดอารี่เล่มนี้..

          ลู่หานยิ้ม.. คำพวกนี้ลู่หานอ่านมันซ้ำๆหลายร้อยหลายพันหนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้อ่านมันไม่ว่าจะอีกกี่รอบก็ตาม..
            มือบางเปิดหน้าต่อไป ด้านบนเป็นรูปถ่ายของเซฮุนกับลู่หานในวันรับน้องที่เรากำลังยืนอยู่ข้างกันแหละแอบเหล่กันไปมา ด้านล่างเป็นลายมือของเซฮุนที่เขียนด้วยหมึกปากกาสีดำ

          ให้ตายดิ ฉันรู้สึกกับนายเกินเพื่อนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย


            14/05/20
          ‘วันนี้ลู่หานนั่งรถเมล์ไปส่งที่คอนโด
            เขาลิสต์รายชื่อเพลงที่เราฟังด้วยกันในวันนั้นทั้งหมด พร้อมกับตั๋วรถเมล์สองใบถูกแปะสก๊อตเทปกับกระดาษเอาไว้อย่างดี เขาเก็บมันเอาไว้.. เพราะมันเป็นความทรงจำของเราทั้งสองคน..

          คนอะไรนั่งอยู่ดีๆก็หลับว่ะ เห็นเอาหัวโขกกระจกรถเมล์กลัวจะเจ็บก็เลยจับให้มาโขกไหล่กันดีกว่า นุ่มกว่าเยอะ ดูดินายฝากอะไรไว้บนเสื้อฉันด้วย
            ลูกศรชี้ไปที่ด้านล่าง ก็พบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกแปะแทปใสตามความยาว มันคือเส้นผมของลู่หาน..
            หน้าถัดไปก็มีเส้นผมสีเทาๆของเขาแปะอยู่เส้นหนึ่งตามความยาว แถมเขายังเขียนกำกับไว้ด้วยว่า นี่เส้นผมคนหล่อ

          ‘รถเมล์อ่ะไม่ใช่ไม่เคยนั่งนะเว้ย ฉันก็ไม่ได้ติดหรูเป็นคุณชายนั่งรถเมล์ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกน่า แต่นั่งรถเมล์ครั้งล่าสุดมันนานโคตรๆมาแล้ว ฉันเห็นนายแอบหัวเราะฉันด้วยนะ แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันชอบเห็นนายหัวเราะเพราะฉัน.. ยิ้มบ่อยๆนะน่ารักดี.. ตอนที่ฉันถามนายว่ารถมันอ้อมมั้ย ฉันโคตรภาวนาให้มันอ้อมเลย ตอนที่ฉันถามนายว่าถ้ารถติดใช้เวลานั่งนานมั้ย ฉันโคตรภาวนาให้รถติดแบบไม่ขยับเลยยิ่งดี เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่.. ฉันขอโทษที่ฉันทำตัวแย่ๆเราก็เลยไม่มีเวลามาโทรหากันได้ตลอด แต่ฉันชอบนายคนเดียวนะ.. ฉันชอบนายจริงๆ ฉันจะพยายามทำตัวดีๆเพื่อนาย..

         
            14/05/21
          ‘วันนี้ได้ไปดูหนังกับลู่หาน
            ตั๋วหนังสองใบถูกแปะไว้ข้างกัน เขาทำมันอย่างเป็นระเบียบและดูน่ารัก..
          สารภาพไปแล้วว่าชอบ.. ถึงจะอ้อมๆก็เถอะ แต่นั่นน่ะความรู้สึกของฉันจริงๆนะ กว่าจะพูดมันออกมาได้นี่เขินแทบตายนะรู้ป่าว นายควรดีใจไว้ซะที่คนปากแข็งอย่างฉันยอมพูดอะไรน่าอายแบบนั้นกับนาย อ้อ ฉันชอบจูบของเราโคตรๆเลยนะ.. ตอนที่นายตอบอื้อตกลงที่จะยอมรอฉันปรับปรุงตัวนี่มันโคตรน่ารักเลยให้ตาย ฉันรักนายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว..
         
           
            14/06/25
          ‘ผมพลาดการไปเที่ยวสวนสนุกกับลู่หาน ผมขอโทษ ผมโคตรรู้สึกแย่..
            ตั๋วเข้าสวนสนุกยับยู่ยี่ถูกคลี่ให้เรียบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แปะไว้ด้านล่างของหน้ากระดาษ พร้อมกับคำว่า sorry ที่เขียนเต็มหน้ากระดาษไปหมด
          วันนี้ฉันตั้งใจจะไปเที่ยวกับนาย แต่พอก้าวออกจากห้องอยู่ๆฉันก็วูบหมดสติไป ฉันถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และนายรู้มั้ยฉันเหมือนตื่นจากฝันดีมาเจอกับความโหดร้ายของชีวิตจริง.. ผลตรวจเลือดของฉันเป็นบวก.. วินาทีนั้นมันโคตรเหมือนโลกพลังทลายไปต่อหน้าต่อตา ฉันจะเหลือเวลาบนโลกใบนี้อยู่ไม่มากแล้ว.. ให้ตายเหอะมันโคตรย่ำแย่ที่สุดในชีวิตเลย วันนี้ฉันถูกส่งไปตรวจนู่นตรวจนี่วุ่นวายไปหมดไม่มีเวลาแม้กระทั่งโทรบอกนายว่าฉันไปไม่ได้ ขอโทษจริงๆนะครับ.. แต่ฉันอยากไปกับนายนะ สวนสนุกเหมือนกับดินแดนแห่งสวรรค์ใช่มั้ยล่ะ ฉันอยากเห็นนายกับฉันอยู่ด้วยกันที่นั่นไง ดินแดนแห่งสวรรค์


            14/07/01
          ‘วันที่ผมทำคนที่ผมรักเจ็บปวด แต่มันก็เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเช่นกันที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน นายทำอาหารอร่อยมากเลยนะ ฉันไม่กล้าพูดชมตรงๆฉันก็ขอชมในนี้แล้วกัน ไม่ว่ากันนะ พรข้อสุดท้ายที่ผมอยากขอพระเจ้าคือผมขอใช้เวลาอยู่กับคนที่ผมรักสักวัน.. ก่อนที่ผมจำเป็นจะต้องปล่อยมือเขาไปเจอคนที่ดีกว่าผม..
ฉันป่วยเป็นโรคที่น่ารังเกียจ.. ฉันไม่อยากให้นายต้องมาคอยดูแลอะไรฉัน มันดูเป็นภาระ.. นายควรที่จะมีชีวิตที่ดีๆและเจอคนที่ดีๆกว่าฉัน ผลจากการมั่วผู้หญิงนอกจากได้ความสนุกแม่งก็ไม่ได้อะไรอีกเลย.. สมเพชตัวเองว่ะ..


หลังจากหน้านี้เขาก็พูดเรื่องอาการป่วยของเขาและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เหมือนกับชีวิตนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เขาไม่อยากกินยา ไม่อยากไปหาหมอ เพราะทำยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี..
            ถ้าเขาบอกผมสักคำว่าเขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่.. ผมจะไม่ปล่อยให้เขาต้องจากไปเร็วแบบนี้..      
ที่เขาทำเหมือนไม่แคร์.. จริงๆแล้วเขาเก็บทุกรายละเอียดของเราสองคนเสมอ เขาทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเลย.. เขาเขียนไดอารี่เล่มนี้แทนคำพูดเป็นล้านในใจของเขาที่ไม่เคยบอกกับผม..
ผมไม่ได้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างคนที่เขาสนใจกับไม่สนใจ เซฮุนให้ผมอยู่ตรงกลางใจของเขาเลยล่ะ..

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาอีกครั้งเมื่อผมเปิดมาถึงหน้าสุดท้าย.. แผ่นกระดาษค่อนข้างยับและเปื้อนไปหมด ตัวหนังสือหวัดๆของเขาที่เหมือนจับด้ามปากกาได้ยากเหลือเกินพยายามเรียงร้อยเป็นตัวหนังสือให้ผมได้อ่าน.. มันเป็นประโยคสั้นๆ หรือบางทีก็แทบไม่เป็นประโยค..

อยากคุยกับลู่หาน

นายอยู่ไหน.. มาหาฉันได้มั้ย

เจ็บจังเลย ฉันเจ็บมากๆ

ฉันคงอยู่ ไม่ได้นานไปกว่านี้แล้ว ขอให้นายมีความสุขมากๆนะ โชคดี..

ฉันรักนาย รักนายนะ ลู่หาน


ดอกแดนดิไลออนสีขาวถูกแปะอยู่บนกระดาษหน้าสุดท้ายคาดด้วยเทปใสแน่นหนา.. ถึงแม้ว่าตอนนี้มันแห้งไปหมดแล้ว แต่มันก็ยังคงสวยงามเสมอ..
มือบางปิดสมุดไดอารี่.. ก่อนที่น้ำตาจะไหลหยดลงกระทบกับปกหนังสีน้ำตาล.. หัวใจดวงน้อยยังคงมีแค่เซฮุน.. มีแค่เขาอยู่เต็มดวงถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบปีแล้วก็ตาม มันทั้งเจ็บปวดและแสนสาหัสในยามคิดถึง แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลู่หานมีความสุขเหลือเกินที่ชีวิตนี้ลู่หานได้เจอกับเขา ได้รักเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่สั้นๆก็ตาม..

“ฉันก็รักนายนะเซฮุน.. ฮึก..”

ดอกแดนดิไลออนสีขาวปลิวลอยมาตามแรงลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง.. จนกระทั่งปลิวตกลงปกสมุดสีน้ำตาล.. ราวกับคำปลอบประโลมจากคนที่อยู่ไกลแสนไกล..

ดอกแดนดิไลออนสีขาว หมายถึง หมายถึงเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ..
อีกทั้งยังหมายถึงความเงียบสงบ
และขอให้โชคดี..





                                                                                               END
                                                                                     #ddlhunhan


------------------------------------------------------------------------------------------------------







2 ความคิดเห็น:

  1. พึ่งได้อ่าน เป็นฟิคสั้นที่ดราม่ามากตั้งแต่ที่ตัวเราเองเคยอ่านมา บอกตรงๆว่าหน่วงมาก แต่ก็แอบสะใจและสมน้ำหน้า เพราะเซฮุนทำตัวเอง ไปมั่วเอง เหอะ.. นายคงอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสินะเซฮุน มันสายไปแล้วแหละเสียใจด้วย นี่สรุปเราเสียใจหรือดีใจกันแน่ 555

    ตอบลบ
  2. ชอบๆ แนวที่มันบีบใจแบบนี้ (รู้สึกว่าตังเองจะโรคจิต- -) ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะค่าาา

    ตอบลบ