DANDELION
ดอกแดนดิไลออนสีขาว
หมายถึงเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ และมิตรภาพ..
ชายหนุ่มร่างผอมบางนั่งทอดกายอยู่บนโซฟาตัวเขื่องภายในห้องนอนของตน..
ฝ่ามือเล็กๆลูบปกสมุดเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนตักอย่างแผ่วเบา
ลอบยิ้มออกมาน้อยๆที่สภาพของมันยังอยู่ดี.. เพราะเขาดูแลมันอย่างดีเท่าชีวิต..
นั่งมองปกสีน้ำตาลเข้มของมันอยู่นาน..
ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มือสวยพลิกเปิดสมุดเล่มใหญ่นั้นขึ้นมาหน้าแรก..
ดวงตากลมราวกับลูกแก้วเจียระไนกวาดมองสิ่งที่อยู่ภายในนั้น ผ่านไปทีละหน้า..
ทีละหน้า..
ผมจะเล่าเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งของผมให้พวกคุณได้ฟัง
พวกคุณอยากฟังมันไหม..
ผมรู้จักเขาครั้งแรกตอนที่เราทั้งสองคนอายุสิบแปดปี..
เสียงกลองดังกระหึ่มในตอนรับน้องทำให้ผมและเขาได้เจอกัน
“น้องผมสีเทากับน้องตัวเล็กคนนั้น
ออกมาครับ!”
ปลายนิ้วชี้ของพี่ว้ากชี้ไปที่เขาคนนั้นแล้วเลื่อนมาชี้ผม
ผมยกมือขึ้นชี้ตัวเองเป็นคำถามว่าเรียกผมหรอ
และผมก็ได้คำตอบเมื่อพี่อีกคนเข้ามาลากตัวผมออกไปเพราะผมลุกช้า
ผมกับผู้ชายผมสีเทาตัวสูงคนนั้นยืนอยู่เคียงข้างกันที่หน้าแถว
เราแอบเหล่มองกันหน่อยๆ เขาสูงมากๆและหน้าตาดีมากๆ.. เส้นผมของเขามีสีเทาซีดๆ..
จมูกโด่งเป็นสันและดวงตานี่คมกริบเลย
ต่อไปเขาต้องได้เป็นเดือนหรือได้รับตำแหน่งเกี่ยวกับพวกหนุ่มหล่ออะไรสักอย่างแน่ๆ
“มองไร”
“เห?
เอ่อ เปล่า..”
“ชิ..”
เสียงของเขาทุ้มดุเหมือนกับดวงตาของเขา
ผมละสายตาออกมาจากใบหน้าที่ติดจะเหนื่อยหน่ายโลกแล้วยืนตัวตรง
“ผมจะให้คุณสองคนช่วยกันเอาน้ำจากถังนี้ไปใส่ในถังนั้นจนได้ถึงขีดที่กำหนด
ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วย ใช้ได้แค่ร่างกายเปล่าๆ
ถ้าน้ำจากในถังนี้หมดก่อนที่ถังนู้นจะเต็ม เพื่อนพวกคุณทั้งภาคโดนผมซ่อมแน่ๆ
ไม่ต้องกลัวหรอกไอ้หน้าหล่อ คุณแค่กำความหวังของเพื่อนทั้งภาคไว้ก็เท่านั้นเอง”
“เหอะ..”
ผมทำตาโตเมื่อเขาสบถเหอะออกมาต่อหน้าพี่ว้ากอย่างไม่เกรงกลัว
แถมยังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ไม่ยืนตัวตรงระเบียบเชียร์แบบผม
พี่ว้ากส่งสายตาคาดโทษไปให้เขาและก็เลยมามองคาดโทษผมไปด้วยเสียอย่างนั้น
ผมพยายามอ่านป้ายชื่อสีชมพูที่ห้อยคอของเขาแต่เขาก็ยัดมันลงในเสื้อนักศึกษา
ถ้าผมเป็นพี่ว้ากผมคงจับเขาซ่อมคนแรกเลย..
“เก่งให้ได้เหมือนปากเถอะน้อง..”
สิ้นคำพูดของพี่ว้ากก็ได้ยินเสียงนกหวีดเป่าดังปรี๊ดเป็นสัญญาณเริ่มให้เราสองคนทำกิจกรรม
ผมวิ่งตรงไปที่ถังน้ำนั้นแล้วใช้มือตักรองน้ำ
มันค่อนข้างทุลักทุเลเพราะน้ำคอยแต่จะไหลออกตามร่องนิ้วตลอดเวลา
เมื่อไปถึงถังอีกใบมันก็เหลือน้ำอยู่แค่อุ้งมือ..
ด้วยเพราะมันต้องทำเวลาผมก็เลยไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก
ผู้ชายคนนั้นยืนกอดอกมองผมที่วิ่งเอาน้ำไปใส่ถังมารอบหนึ่ง
ผมไม่สนใจว่าเขาจะช่วยหรือไม่ช่วย แต่เพื่อนทั้งภาคจะต้องไม่โดนซ่อมเพราะผมเป็นต้นเหตุแน่ๆ
“โง่หรือเปล่าวะ
เอามือมานี่”
ในขณะที่ผมกำลังเอามือรองน้ำในถัง
เขาก็จับมือของผมแช่ลงไปใต้น้ำ
พร้อมกับเอามือทั้งสองมือของเขารองใต้มือของผมอีกที.. ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม..
และในที่สุดผมก็ถูกกระซิบด่าว่าให้เดินไปได้แล้ว
มือของเขารองอยู่ใต้มือผมตลอด.. ด้วยเพราะมือของเขานั้นใหญ่ทำให้ช่วยเป็นกำแพงอีกชั้นหนึ่งไม่ให้น้ำไหลออก
จนกระทั่งเราสองคนทำภารกิจได้สำเร็จ..
ด้วยเพราะเราสองคนเป็นตัวแทนทำภารกิจ
พี่ว้ากก็เลยให้เราสองคนออกมากินข้าวก่อน แต่ไม่ได้มาแบบธรรมดาหรอก
ที่ข้อมือของเรามีกุญแจมือคล้องติดกันอยู่ทำให้เราต้องเดินตัวติดกันอย่างเสียไม่ได้
“ปัญญาอ่อนชะมัด”
เขาสบถออกมาอย่างรำคาญพร้อมกับกระชากกุญแจมือไปมาทำให้ผมต้องแกว่งแขนตามเขาเพราะไม่งั้นมันจะโดนดึงเจ็บ
“โอ๊ย”
“เป็นไร”
“นายแกว่งแขนแรง
อย่าลืมสิว่าแขนนายกำลังพ่วงแขนฉันอยู่นะ”
ผมพูดออกไปหน้ามุ่ยๆ
ข้อมือของผมมันขึ้นสีแดงเป็นปื้นเลย
ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจเอาเสียจริงๆว่าทำไมผมต้องมาพัวพันกับผู้ชายที่ผิดระเบียบมหาลัยทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา
เขาหัวเราะในลำคออย่างขำขัน.. ทำคนอื่นเจ็บแล้วมาหัวเราะเนี่ยนะ
ให้ตายเหอะ
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ
แล้วเดี๋ยวค่อยไปกินข้าว ได้ป่ะ”
“อื้ม”
ผมเดินตามแรงลากของเขามาเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องน้ำผมถึงพึ่งระลึกได้ว่าเขาจะต้องทำธุระส่วนตัว
เรายื้อยุดกันอยู่หน้าห้องน้ำเสียนาน
“ปวดฉี่โว้ย
จะเข้าห้องน้ำ!”
“แต่ว่า
นายไม่อายหรือไง”
“อายอะไรผู้ชายด้วยกัน
ห๊ะ เข้ามา ไม่อยากเห็นก็หลับตาลงซะ”
ในที่สุดผมก็เดินตามเขาเข้ามาด้านใน
ตอนที่เขาปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลงนั้นทำให้ผมหลับตาปี๋ มือไม้เกร็งไปหมด
ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าแก้มของผมมันเห่อแดงไปทั่ว ผมเป็นลูกคนเดียวและก็ไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อกับใครแบบนี้เลย..
ผมรู้ว่าเขาไม่อาย แต่ผมอายแทนเขานะ
“หลับตาปี๋เลยไอ้ตัวเล็ก
ใครๆก็อยากมองร่างกายฉันทั้งนั้น นายไม่อยากหรอ”
“ไม่เป็นไร
เกรงใจ”
เขาหัวเราะขำๆ
“นายแม่งตลกว่ะ”
“...”
“มีเพื่อนยัง”
“ยังหรอก
วันนี้เปิดเทอมวันแรกเองนะ”
“งั้นมาเป็นเพื่อนกันเอามะ”
“ห้ะ?”
ผมขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตาอยู่
เขาขอเป็นเพื่อนกันง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ.. แล้วทำไมเขาถึงอยากเป็นเพื่อนกับผมล่ะ
“นายชื่ออะไร”
“ลู่หาน..
นายล่ะ”
“โอเซฮุน”
หลังจากวันนั้นเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดในรั้วมหาลัย
เพราะเราเรียนภาคเดียวกัน ตารางเรียนตรงกันทุกคาบ เราสองคนได้เรียนรู้นิสัยของกันและกันเรื่อยๆตามวันเวลาที่หมุนผ่านเลยไป..
มันทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมเราถึงยังคบกันรอดทั้งๆที่เราแตกต่างกันมากมายขนาดนี้
ถ้าผมเป็นสำขาว เขาคือสีดำ ถ้าผมเป็นนกพิราบสีขาว เขาก็คือจระเข้ตัวร้าย..
เซฮุนเป็นคนที่นิสัยแย่..
แย่เอามากๆ เขาไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากคนที่เขาอยากสนใจจริงๆ ซึ่งมันมีน้อยมากสำหรับคนที่เขาคนใจ..
ตัวผมเองก็อยู่กึ่งๆระหว่างคนที่เขาสนใจและไม่สนใจ.. สำหรับคนที่เขาสนใจนั้น
ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาจะสรรหามาให้ได้ทั้งหมด.. เขาจะเทคแคร์เป็นอย่างดี
แต่ถ้าไม่สนใจ ขนาดบอกชื่อไปเมื่อกี้เขาก็ยังลืมเลย
“ทำไรอยู่”
เสียงทุ้มเอ่ยทักที่ข้างหู
ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ม้านั่งในโรงอาหารช่วงเช้า ร่างสูงๆนั้นนั่งลงข้างผมแล้วควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
“ซักผ้าอยู่มั้ง”
“เหอะ”
ผมยิ้มขำออกมาเล็กน้อยแล้วถามเขากลับ
“แล้วนี่มายังไง”
“บินมามั้ง”
“เหอะ”
ผมสบถเหอะกลับไปให้เขา
มือใหญ่ๆนั้นผลักหัวผมแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ผมมือยกขึ้นปิดปากสำลักเพราะควันพิษนั้นมันรุมผมเต็มๆ
“ไปสูบไกลๆได้มั้ย”
ผมบอกออกไป
แต่เซฮุนก็ยังพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผมซ้ำๆ..
“นิสัยไม่ดีเลยนะ”
เสียงนิ่งๆของผมบอกออกไปด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่แพ้กัน
ผมยันตัวขึ้นยืนแล้วรวบเก็บสมุดไว้ในแขนอย่างรวดเร็ว
ก้าวเดินออกจากม้านั่งนั้นฉับๆไม่สนใจเซฮุนอีก ในเมื่อเขาไม่สนใจผม..
ผมก็จะไม่สนใจเขากลับคืน..
วันนั้นผมไม่คุยกับเซฮุนทั้งวัน
ผมกะจะทิ้งให้เขากินข้าวคนเดียว
แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นผมซะเองที่ได้นั่งกินข้าวคนเดียว
เพราะเขาออกไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่น..
เขามีผู้หญิงมากมายที่มาให้เขาเลือกควงไม่ซ้ำหน้า
เพียงแค่เขาโทรหากริ๊งเดียวพวกเธอก็พร้อมบึ่งรถมาหาเขาแล้ว
ผมลืมบอกไปว่าเขาค่อนข้างมั่วผู้หญิง..
มันเป็นสิทธิของเขา
และเขาก็คงไม่อยากให้ผมยุ่งเรื่องนี้ด้วยเท่าไหร่ ปิดตาไว้ข้างหนึ่ง
ปิดหูไว้ข้างหนึ่ง รับรู้แค่สิ่งที่เขาอยากให้ผมรู้..
ผมไม่ผิดใช่มั้ยที่ผมยังอยากให้เราสองคนยังผูกพันกันอยู่..
เซฮุนเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างเพอร์เฟ็กต์ไปเสียทุกอย่าง.. ถึงเขาจะนิสัยแย่ไปหน่อยและทำตัวผิดระเบียบเกเร
แต่ผลการเรียนเขาก็ยังออกมาดีเสมอ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมช่วยเขาไม่ให้การเรียนตกหล่น อย่างน้อยก็จะได้มีเกรดสวยๆติดตัวไว้บ้าง..
จนกระทั่งเราขึ้นปีสาม..
พร้อมกับเซฮุนที่เริ่มเกเรหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มขาดเรียน สูบบุหรี่หนัก เสเพล
และเปลี่ยนผู้หญิงควงทุกวันราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเริ่มเอาเขาไม่อยู่..
บอกอะไรไปเขาก็ไม่ฟังสักอย่าง.. แต่ผมก็ยังเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่คอยอยู่ข้างเขาอย่างคนโง่ๆ..
ออกไปหาเขาทุกครั้งเวลาที่เขาเมาและกลับห้องไม่ไหว ผมเห็นมาทุกอย่างทั้งเวลาที่เขาเมาหยำเปและทั้งในตอนที่กำลังมั่วกับผู้หญิง..
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงยังอยู่กับเขาที่ตรงนี้ไม่ไปไหน..
ก็เพราะว่าเซฮุนยังอยู่กับผมที่ตรงนี้ไม่ไปไหนเช่นกัน..
“ลู่หาน”
“อื้อ”
“วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาอ่ะ”
เขาบอกกับผมหน้านิ่งๆ เรากำลังเดินลงตึกเรียนมาด้วยกันในเวลาเลิกเรียน ผมหันหน้าขวับไปหาเขา
“เอามันไปจิ้มกำแพงเล่นๆมาอีกแล้วใช่มั้ย
บอกแล้วไงว่าตอนเมาให้โทรเรียก”
“เดี๋ยวอย่าพึ่งบ่นดิ
วันนี้ติดรถมินอา.. เออนั่นแหละติดรถเขามาอ่ะก็เลยไม่ได้ขับรถมา”
“...”
ผมไม่รู้จะตอบเขาหรือถามอะไรเขาต่อ.. ทำได้เพียงแค่เงียบและก้าวเดินต่อไป
“นั่งรถเมล์ไปส่งคอนโดหน่อยดิ”
“อย่างนายเนี่ยหรอจะนั่งรถเมล์”
ผมถามเสียงหลง เขาขับรถหรูทุกวันอยู่ๆจะมานั่งรถเมล์คงรู้สึกแปลกๆ
“อือ ไปส่งนะ”
“ก็..ก็ได้..”
ผมพยักหน้าช้าๆแล้วส่งยิ้มให้เขา..
มือเรียวสวยที่ไม่เคยหยิบจับทำงานอะไรเลยเอื้อมมายีหัวผมจนฟูไปหมด เราหัวเราะและส่งยิ้มให้กันไปมา..
หัวใจของผมมันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาแบบนี้ด้วยกันบ่อยๆ
ผมถึงได้มีความสุขที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกัน แม้แค่เพียงสั้นๆก็ยังดี..
“ก้าวขึ้นไปสิเซฮุน”
ผมพูดบอกเมื่อรถเมล์มาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์แล้วแต่เขาก็ยังยืนเก้ๆกังๆขวางทางคนเป็นสิบ
สีหน้าของเซฮุนเหมือนทำตัวไม่ถูกพร้อมกับหันมาหาผม ผมหัวเราะแล้วใช้สองมือดันหลังเขาให้ก้าวขึ้นบันไดไป
เราเลือกที่นั่งคู่ข้างกัน
ผมนั่งติดหน้าต่าง ส่วนเซฮุนนั่งติดทางเดิน เขาจ่ายค่ารถเมล์ให้ผมด้วย
“จ่ายให้
ตอบแทนที่ไปส่ง”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
มือใหญ่นั้นยีหัวผมอีกครั้ง
“รถเมล์อ้อมหรือเปล่า นั่งนานแค่ไหนกว่าจะถึง”
“ประมาณยี่สิบนาทีถ้ารถไม่ติดนะ”
เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเม็ดบนออกหนึ่งเม็ดพร้อมกับขยับไท
รถเมล์ค่อนข้างเบียดเสียดทำให้อากาศค่อนข้างร้อนและอึดอัด สองสามวันมานี้เซฮุนทำตัวดีขึ้นจนผมนึกแปลกใจ
เขาแต่งตัวถูกระเบียบแถมยังเข้าเรียนตรงเวลา
แต่มันก็เป็นเรื่องดีๆทั้งนั้นผมก็เลยไม่ทักท้วงอะไรเขา..
“แล้วถ้ารถติดล่ะ”
“ก็..
เกือบชั่วโมงเลย”
ผมหัวเราะที่เขาทำหน้าสยองขวัญใส่ผม
เขาจะมาโทษผมไม่ได้นะเพราะเขาเป็นคนเลือกเองนี่นา เรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย..
มองไปข้างทางก็พบว่าถนนยามเย็นมันรถติดจริงๆด้วย
เซฮุนหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าและแบ่งให้ผมข้างหนึ่ง
เขาเริ่มเปิดเพลงให้เราทั้งสองคนได้ฟังไปพร้อมๆกัน..
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเขาสะกิดไหล่
ผมเผลอหลับเอาหัวพิงไหล่เขาเสียนาน..
“ถึงแล้ว
นายจะนั่งคันนี้ต่อไปลงหน้ามหาลัยใช่ป่ะ”
“อื้อ”
ผมครางตอบเขาหน้าง่วงพร้อมกับยื่นหูฟังคืนเขาไปด้วย
เซฮุนยิ้มขำๆแล้วส่งมือมาผลักผัวผมซ้ำๆจนแทบมึน
“อย่าหลับเพลินจนเลยป้ายล่ะ
ไปแล้วนะ กลับบ้านดีๆล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
“บ๊ายบายนะเซฮุน”
เขาโบกมือตอบผมแล้วลุกเดินลงจากรถเมล์ไป
เพราะบ้านของผมอยู่ใกล้มหาลัยผมจึงเลือกนั่งรถเมล์ไปกลับเพราะมันสะดวกและค่ารถถูก
ส่วนเซฮุนเขามีคอนโดที่พ่อแม่ซื้อให้ที่ใจกลางเมือง
ดังนั้นเขาจึงต้องขับรถมาเรียนเอง
มีคนมานั่งแทนเซฮุนแล้วที่เบาะข้างๆผม.. แต่ผมก็ยังยิ้ม..
และคิดถึงเสียงเพลงที่เขาเปิดให้ผมฟังวนซ้ำๆไปมาในหัวอยู่เลย..
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นในเวลาตีหนึ่งครึ่ง
มือเล็กละจากการปั่นงานแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดอยู่บนเตียงมากดรับ
เบอร์ที่โทรเข้านั้นเป็นเบอร์ของเซฮุน
เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาคงเมาและโทรให้ผมไปรับเขาแน่ๆ แต่เปล่าเลย..
เสียงของเขาปกติไม่ได้เมา แถมยังพูดในสิ่งที่ผมไม่เชื่อหู..
“พรุ่งนี้ตอนเย็น
ไปดูหนังกันมั้ย..”
.
.
“นึกคึกอะไรอยากมาดูหนังด้วยกันอ่ะ”
“ดูไม่ได้ไง๊
เป็นเพื่อนกันมาสามปียังไม่เคยดูหนังด้วยกันเลยนี่หว่า”
“ก็ใช่น่ะสิ
ถึงได้แปลกใจไง”
ผมยืนกอดอกแล้วมองดูท่าทีของเซฮุนที่ทำยักไหล่ไปมาเหมือนมันไม่มีอะไรให้ต้องสนใจ
เขาลากผมเข้าไปในโรงหนังเพราะใกล้ถึงเวลาฉายแล้ว
หนังเล่นไปได้สักพัก..
เขาก็เลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม..
“เราเป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว..”
“หืม?”
คำพูดของเขาทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันขวับไปมองหน้าของเซฮุน
แล้วก็พบว่าใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก มากจนปลายจมูกของเขาแตะเฉียดกันไปมา
ผมหดคอหลบเขาออกมานิดหนึ่งอย่างตกใจ
แต่เขาก็ยังยื่นหน้าหล่อๆนั้นเข้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น
กลิ่นบุหรี่จากลมหายใจของเขา..
และเสียงหัวใจที่เต้นแรงของผม..
“ฉันอยากดูแลนายไปเรื่อยๆแบบนี้
ไม่อยากให้เราต้องเลิกกันถ้าหากเราเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นอย่างอื่น..
ฉันไม่อยากเสียนายไป”
“...”
“ตอนนี้ฉันยังดีไม่พอที่จะดูแลใครได้..
ยังดีไม่พอสำหรับนาย.. แต่ถ้าหากวันหนึ่งฉันดีพอที่จะดูแลนายได้ ถึงวันนั้นเราค่อยคุยกันอีกทีดีไหม..”
“เซฮุน”
“รอฉันนะ”
“...”
“...”
“อื้อ..”
คำพูดของเขาเหมือนน้ำฝนเย็นๆที่รินรดลงมาให้เมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ใต้ดินมานานได้มีความชุ่มฉ่ำ..
และจูบที่เขากำลังมอบให้กับผมมันช่างหวานละมุนเหลือเกิน..
เปรียบดั่งตราประทับของคำสัญญา..
สัญญาของผมกับเขามันไม่ได้มีลายลักษณ์อักษร..
มันเป็นแค่คำพูดหรือลมปากที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากแต่ผมยังจำมันได้ทุกคำ..
และเซฮุนเองก็คงไม่ลืมคำพูดของเขาเช่นกัน..
วันเวลาล่วงเลยผ่านมาเป็นเดือนหลังจากวันที่เขาบอกกับผมในโรงหนัง..
ผมกับเขาก็ยังคงสถานะเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลยจากวันแรกที่เราได้พบกัน..
เซฮุนก็ยังเป็นผู้ชายที่นิสัยไม่ดีคนเดิม
แต่ผมกำลังก้าวเข้ามาอยู่ในระยะของความสนใจของเขาเพิ่มขึ้นอีกก้าวหนึ่ง
“ไม่สบายหรอ”
ผมทักเซฮุนที่กำลังเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับปิดปากไอค่อกแค่ก
วันนี้เขาอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ
แต่เส้นผมของเขายังคงเป็นสีเทาควันบุหรี่เหมือนเดิม
“อืม
เมื่อวานตากฝนน่ะ”
“กินยาหรือยัง”
“รอคนมาป้อนอยู่”
เขาทำหน้าและสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว
ผมได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคมๆของเขาที่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นหยอดหวานแล้วมันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆไปทั้งตัว..
มือใหญ่เอื้อมมาจับมือของผมพร้อมกับหัวเราะในลำคอขำๆที่เห็นผมหน้าแดง
เราเดินไปทานข้าวที่โรงอาหารของคณะด้วยกันในยามเช้า
ไม่จำเป็นต้องทานข้าวในร้านแพงๆเหมือนที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่น
แค่เราสองคนอยู่ด้วยกัน.. แค่ได้อยู่ด้วยกันในทุกๆวัน..
“แค่กๆ”
“หยุดเรียนไปพักมั้ยเซฮุน”
ผมวางช้อนข้าวลงแล้วถามเมื่อเห็นเขาปิดปากไอไม่หยุดเลย
“ไม่เป็นไร
เอ่อ ลู่หาน เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า”
“ก็ว่างนะ”
“ไปเที่ยวสวนสนุกกันมั้ย”
เซฮุนเปิดกระเป๋าข้างตัวแล้วหยิบตั๋วสวนสนุกออกมายื่นให้ผมหนึ่งใบ ผมมองตั๋วสลับกับมองหน้าเซฮุน
อย่างเขาน่ะหรอที่จะไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเป็นเด็กๆ
“ทำไม
ฉันอยากเที่ยวสวนสนุกบ้างไม่ได้หรือไง”
ผมปิดปากหัวเราะที่เห็นเขาทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ไปก็ไป..”
มือเล็กยื่นไปรับตั๋วใบนั้นมาเก็บลงกระเป๋า
ผมเห็นเซฮุนแอบยิ้มมุมปากเล็กๆด้วย..
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วควักซองบุหรี่ขึ้นมาจะจุดสูบ
ผมรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ทันที
“ไออยู่ไม่ใช่หรอ
จะสูบทำไม”
เขายักไหล่ให้ผมอย่างไม่ใส่ใจคำพูดห้ามแล้วเดินออกไปด้านนอกโรงอาหารเพื่อสูบบุหรี่
ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันทั้งเป็นห่วงและน้อยใจที่เขาไม่ยอมฟังผม..
เขาบอกว่าเขายังไม่ดีพอสำหรับผม เขายังดูแลใครไม่ได้..
เพราะขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย..
เซฮุนยังคงดื่มและเที่ยวเป็นปกติของเขา
ถึงจะน้อยลงไปมากแต่ผมก็ยังต้องออกไปรับเขาที่เมาหยำเปคั่วผู้หญิงกลับมาส่งที่คอนโดของเขาอยู่เรื่อยๆ
ผมอยากจะเข้าใจเขาว่าชีวิตวัยรุ่นมันมีแค่ครั้งเดียว โชคดีที่เขาไม่เล่นยา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันถูกต้อง
มีสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเขาอยู่อย่างหนึ่ง..
นั่นคือเขาเคยคิดถึงใจของผมบ้างหรือเปล่า
สัญญานั้นของเรา
ผมต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน..
และแล้ววันเสาร์ก็มาถึง
ผมตื่นเต้นแค่ไหนก็ดูจากการที่ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพราะนอนไม่หลับทั้งคืนก็แล้วกัน..
ร่างเล็กยืนรออีกฝ่ายที่นัดกันสิบโมงตรงหน้าสวนสนุกแห่งหนึ่งในตัวเมือง
เป็นเพราะบ้านของเราอยู่คนละทางเลยทำให้เราตกลงกันว่ามาเจอกันที่นี่ดีกว่าให้เซฮุนขับรถวนไปวนมามารับผมที่บ้าน
ผมยืนรออยู่ข้างๆมาสคอตตัวการ์ตูนน่ารัก
ก้มลงมองบัตรเข้าสวนสนุกในมือแล้วก็อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่..
ได้เที่ยวสวนสนุกกับเซฮุนครั้งแรก.. ผมยังตื่นเต้นไม่หายเลย
ไม่มีใครรู้ว่าผมชอบแค่ไหนที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับเขา อาจจะฟังดูตลกที่ผมก็มีมุมนี้กับเค้าด้วย..
แต่ใครๆก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรักและใช้เวลาของเราสองคนไปด้วยกัน..
แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆและผมที่เริ่มยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ขมับ
ยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว เซฮุนยังไม่มา
และผมยืนรอเขามาหนึ่งชั่วโมงเต็ม..
จากใบหน้ายิ้มแย้มของผมเริ่มหุบลงเรื่อยๆจนกลายเป็นนิ่งสนิท เกิดคำถามมากมายภายในใจของผม..
และความรู้สึกหลากหลายที่อัดอั้นตีกันวุ่นวาย เขาเป็นคนชวนผมให้มาเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน..
ผมวาดฝันไว้ว่ามันต้องดีมากแน่ๆ.. แต่มันก็แทบพังทลายลงไปจนเกือบหมดแล้ว
ผมตัดสินใจโทรออกหาเขา..
แต่ก็ไม่มีคนรับสาย
ผมกัดฟันและอดทนยืนรอเขาต่ออีกสองชั่วโมง..
สองชั่วโมงที่ผมเหลือแค่ความหวัง
สุดท้ายผมก็ฉีกบัตรเข้าสวนสนุกนั้นทิ้งแล้วเดินขึ้นรถเมล์กลับบ้านของผมด้วยหัวใจที่ด้านชา..
.
.
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอกับเซฮุนอีกเลย จนล่วงเลยเข้ามาถึงวันที่ห้าที่ผมไม่ได้เห็นหน้าหรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงของเขา
เขาขาดเรียนและไม่รับโทรศัพท์ ผมไปหาเขาที่คอนโดแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย เซฮุนหายไป
ผมไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย..
ผมคิดถึงเขา..
และเป็นห่วงเขาเหลือเกิน..
ผมไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเขาจะใจร้ายกับผมไปถึงเมื่อไหร่
ผมรู้แค่ว่าผมอยากที่จะดูแลเขา อยากเจอหน้าเขา.. เขาไม่จำเป็นต้องสนใจผมมากก็ได้
แค่ให้ผมได้อยู่ในระยะที่มองเห็นเขาและดูแลเขาได้ก็พอแล้ว..
โทรศัพท์ของผมแผดเสียงดังขึ้นในเวลาตีสอง..
โชคดีที่ผมข่มตานอนไม่ค่อยหลับทำให้ผมรับสายของเซฮุนได้ทันก่อนที่มันจะตัดไป
ผมฟังเสียงจากปลายสายก็พบว่าไม่ใช่เสียงของเซฮุนแต่เป็นเพื่อนคนไหนของเขาก็ไม่รู้บอกให้ผมไปรับเซฮุนพร้อมกับชี้แจงที่อยู่
ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น
ก้าวลงจากเตียงด้วยชุดนอนพร้อมเสื้อคลุมกันหนาวแล้วขับรถตรงไปหาเซฮุนทันที
สภาพของเขาเมามายแทบไม่ได้สติ..
ผมใช้เวลาจัดการให้เซฮุนขึ้นมาอยู่บนเตียงที่ห้องคอนโดของเขาไปเกือบสองชั่วโมง ถอดรองเท้าออกให้และจัดการเช็ดตัวให้กับคนเมาที่นอนครางเพ้อราวกับคนบ้า..
มือเล็กลูบใบหน้าและไรผมของเขาแผ่วเบาราวกับจะปลอบให้เขาสงบลงและหลับฝันดี..
“หายไปไหนมา..”
เสียงใสสั่นเทาเอ่ยถามแผ่วโดยไม่หวังคำตอบใด..
“เป็นห่วงนะรู้มั้ย
อย่าหายไปไหนนานๆอีกได้มั้ย..”
ไร้เสียงตอบกลับใดๆ..
นอกจากเสียงลมหายใจของคนที่นอนหลับไปแล้วอยู่บนเตียงกว้าง
ได้ยินเสียงของเขาไอค่อกแค่กออกมาสองสามครั้ง
เขายังไม่หายดีแต่ไปดื่มเที่ยวจนเมาเละขนาดนี้ได้ยังไง..
ร่างเล็กนอนฟุบลงข้างๆเขา
จัดแจงห่มผ้าห่มให้กับคนตัวใหญ่แล้วสวมกอดเขาเอาไว้ตลอดราตรีกาล..
.
.
แสงสว่างส่องลอดผ้าม่านเข้ามาภายในห้องนอน..
เปลือกตาบางเปิดขึ้นมาก็พบกับใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มนอนฟุบหัวบริเวณหน้าท้องของเขาและสวมกอดเขาเอาไว้แน่น..
ใบหน้านิ่งๆนั้นแสดงความรู้สึกของเขาออกมาในยามที่อีกฝ่ายไม่เห็น
มือเรียวเลื่อนลงไปลูบเส้นผมนุ่มมือนั้นแผ่วเบาราวกับไม่อยากรบกวนเวลาที่ลูกกวางตัวน้อยแสนดีที่กำลังหลับใหล..
ผ่ามืออบอุ่นผละออกจากหัวกลมนั้นทันทีพร้อมกับตีสีหน้านิ่งเรียบเมื่ออีกฝ่ายขยับตัว..
“ตื่นแล้วหรอเซฮุน..”
หัวกลมๆนั้นผงกขึ้นมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มแย้มทักทายยามเช้า
“อืม
นายกลับไปได้แล้วไป”
“กินข้าวกินยาก่อนนะเดี๋ยวไปทำข้าวต้มให้
รอแป๊บนึง” ร่างเล็กทำท่าจะยันตัวลุกขึ้น
“บอกให้กลับไปไง”
เสียงตะคอกนั้นทำให้ลู่หานผงะตกใจ..
เซฮุนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาดึงลู่หานให้ลุกขึ้นยืน
มือใหญ่บีบเข้าที่ต้นแขนบางแล้วออกแรงลากให้ลู่หานออกไปจากห้องของเขา
หากแต่ลู่หานก็ใช้มือจับขอบประตูห้องนอนเอาไว้แน่นอย่างไม่ยอมแพ้
“นายต้องกินยานะเซฮุน”
“กินยาอะไรมันก็ไม่หายหรอก
ออกไป”
“งั้นกินข้าวก่อนก็ได้”
“พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“แล้วนายล่ะเซฮุน
ไอคอกแค่กทั้งคืนยังออกไปเที่ยวกินเหล้าสูบบุหรี่
นายคิดว่าร่างกายนายทำด้วยเหล็กหรือไง แล้วคิดบ้างมั้ยว่าคนอื่นเค้าจะเป็นห่วงนายมากมายแค่ไหนน่ะ”
“...”
“ฉันเป็นห่วงนายนะเซฮุน
อย่าทำอย่างนี้อีกได้มั้ย นายห่วงตัวเองหน่อยสิ ขอร้องล่ะ..”
ตาคมมองกวาดดูสภาพของอีกฝ่าย
ขอบตาคล้ำราวกับอดนอนมาหลายวัน.. ใบหน้าที่เคยสดใสดูซูบผอมลงไปนิดหนึ่ง
มันอาจไม่ได้ดูผิดสังเกตไปมากนัก
แต่คนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันกลับมองเห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อยเหล่านั้น..
ฝ่ามือใหญ่ราวกับคีมเหล็กหนาเมื่อครู่ปล่อยออกจากต้นแขนบาง..
เขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งเพื่ออาบน้ำ
ลู่หานลอบยิ้มออกมาเล็กๆที่เขายอมฟังกันบ้างแล้ว
ร่างเล็กยืนมองเขาที่ปิดประตูห้องน้ำไปแล้วแล้วจึงเดินมายังห้องครัว
จัดแจงทำข้าวต้มง่ายๆให้คนดื้อได้ทาน..
ข้าวต้มร้อนๆหอมฉุยถูกวางบนโต๊ะพร้อมกับแผงยาพารา
คนหน้าหวานเก็บของในครัวไปเรื่อยรออีกคนออกมาจากห้องนอน ไม่นานเขาก็ออกมา..
ร่างสูงอยู่ในชุดลำลองสบายๆ
ลู่หานมั่วแต่ง่วนอยู่กับการทำความสะอาดจึงไม่ได้มองดูเขา
ได้แต่พูดบอกเขาอย่างเป็นห่วง
“มันร้อนนะ
ค่อยๆทาน”
“นายไม่ไปเรียนหรอ”
“หยุดดูแลนายวันนึงก็ได้
นายขาดเรียนไปเกือบอาทิตย์เลกเชอร์เยอะมากเลยรู้มั้ย”
“ลู่หาน..”
“ฮื้ม”
แขนยาววาดสวมกอดเอวเล็กๆแล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอและไรผม..
ซึมซับไออุ่นของกันและกันอยู่อย่างนี้ ลู่หานตกใจปนอึ้งเล็กน้อย
แต่ไม่นานก็ระบายยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่..
“ขอบคุณนะ
ขอบคุณทุกๆอย่างเลย”
“เป็นไรเนี่ย
อยู่ดีๆก็มาทำซึ้ง”
“ช่วยซึ้งด้วยหน่อยดิ..”
“โอเคๆ..
ฉันตั้งใจทำให้นายด้วยความเต็มใจ เพราะงั้นมันไม่ได้เหนื่อยหรือลำบากอะไรเลย..
ขอแค่นายมีความสุขให้มากๆ เท่านั้นก็ดีใจแล้วนะ”
“...”
แรงสวมกอดบริเวณเอวแน่นขึ้นไปอีก
ปล่อยให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกันสักพักเขาก็ผละออกไป..
ลู่หานยิ้มกว้างให้กับเขาพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีเลือดฝาดจางๆ
เรานั่งทานข้าวด้วยกัน
เล่นเกม ดูหนัง นอนก่ายกันอ่านหนังสือ.. ใช้เวลาของวันนี้ไปด้วยกัน
มันอาจจะเป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง แต่มันเป็นวันที่พิเศษสำหรับเราสองคน..
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินลงไป..
ร่างเล็กยืนลับลมเย็นๆอยู่ที่ระเบียงคอนโดพร้อมกับมองแสงไฟในตัวเมืองที่ยิ่งมืดก็ยิ่งเห็นชัดเจน
สัมผัสสวมกอดบริเวณเอวบางเกิดขึ้นอีกครั้งโดยคนๆเดิม..
“ลู่หาน”
“อื้ม”
เสียงหวานตอบรับ
“จำสัญญาที่ฉันเคยให้ไว้ที่โรงหนังคราวนู้นได้มั้ย”
“จำได้สิ”
รอยยิ้มหวานประทับอยู่บนริมฝีปากเล็กๆเมื่อคิดถึงตอนนั้น
“นาย..ไม่ต้องรอฉันแล้วนะ”
“...”
“...”
“มะ..หมายความว่าไง”
“เลิกรอฉันได้แล้วลู่หาน..
ฉันดีไม่พอสำหรับนายหรอก ฉันไม่มีวันดีพอสำหรับนาย..”
ราวกับหัวใจดวงน้อยหยุดเต้นไปกะทันหัน..
รู้สึกลำตัวชาไปหมดทุกส่วนจนแทบไม่มีแรงจะยืน..
รอยยิ้มหวานค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นใบหน้านิ่งเรียบและสับสน
หยาดน้ำใสคลอหน่วยและเริ่มหายใจติดขัดด้วยความจุก..
จนกระทั่งหยดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย..
ถึงได้เปล่งเสียงอันสั่นเทากระท่อนกระแท่นถามออกไป
“ทำไม..”
“นายต้องเจอคนที่ดีกว่าฉันแน่ๆลู่หาน
อย่ามาจมปลักอยู่กับฉันเลย..”
“ไหนเคยบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกันเพราะไม่อยากเสียฉันไปไง..
ทำไมอยู่ๆถึงได้ปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ นายใจร้ายเกินไปแล้วเซฮุน.. ใจร้ายเกินไปแล้ว..
ฮึก..”
“เพราะฉันมันใจร้ายกับนายไงลู่หาน..”
“...”
ความรู้สึกของลู่หานราวกับดิ่งลงเหว..
เสียใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว หัวใจของลู่หานอยู่ในกำมือของเขาเสมอ
และตอนนี้เขากำลังบีบมันแน่นจนแทบแหลกละเอียด..
แต่ลู่หานไม่รู้..
ว่าตลอดเวลาที่เซฮุนพูดนั้นเขากัดฟันแน่นเพื่อกดเสียงไม่ให้สั่นแค่ไหน
ภายในใจของเขาก็ไม่ต่างจากลู่หานเท่าใดนัก..
ยิ่งเอ่ยถ้อยคำร้ายเหล่านั้นออกไปก็ยิ่งเจ็บปวดแสนสาหัส..
“เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่บ้าน..
ค่ำแล้ว”
“ไม่.. ไม่เป็นไร”
เสียงสะอื้นเสียใจดังก้องอยู่ในหูของเขา..
มือเล็กจับมืออีกฝ่ายให้ปล่อยออกจากเอวแล้วหมุนตัวเดินออกไปด้วยก้าวที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าใดนัก
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงเป็นสาย.. ร่างกายราวกับไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว..
ระยะความสนใจของเซฮุน..
ลู่หานโดนเขาผลักออกมาไกลแสนไกล..
ไกลจนลู่หานไม่สามารถสัมผัสเขาได้อีกแล้ว..
.
.
.
ใบไม้สีแดงร่วงหล่นลงบนพื้นบ่งบอกว่าฤดูกาลได้เปลี่ยนผันหมุนวนไปตามกาลเวลา..
ผมอยู่ปีสี่และกำลังจะได้เป็นบัณฑิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมยังไม่คบใครเป็นตัวเป็นตน..
เพราะหัวใจของผมมันมีแต่เขาอยู่เต็มทั้งดวง..
ผมลบเขาออกไปไม่ได้ถึงแม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม..
เซฮุนผลการเรียนแย่มากและเกือบโดนรีไทร์
โชคดีที่เกรดเทอมก่อนๆของเขาทำได้ดีจึงพอช่วยพยุงเอาไว้ได้บ้าง
เขาขาดเรียนบ่อยขึ้น แถมยังกลับไปกินเที่ยวสูบบุหรี่หนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ผมได้มองดูเขาอยู่ห่างๆในที่ตรงนี้ ในที่ๆเขาขีดเส้นจำกัดให้กับผม..
เราคุยกันบ้างเมื่อมีโอกาส
คอยให้เขายืมเลกเชอร์ในเวลาที่เขาขาดเรียน ผมทำได้เพียงแค่นี้..
ช่วงหลังๆมานี้เซฮุนขาดเรียนบ่อยจนกลายเป็นว่าเขาไม่มาเรียนเลย
เขาหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว.. จนกระทั่งผมตัดสินใจโทรหาเขา ผมถึงได้รู้สาเหตุว่าที่เขาขาดเรียนบ่อยๆนั้นมันเป็นเพราะอะไร..
“ฮัลโหล”
เสียงของหญิงวัยกลางคนเป็นคนรับสายแทนเซฮุน
“เอ่อ สวัสดีครับ
ผมเป็นเพื่อนของเซฮุน”
“อ่อ.. ว่าไงจ้ะ”
“เซฮุนไปไหนหรอครับ
เขาขาดเรียนไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ผมเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะหมดสิทธิ์สอบ”
“เซฮุนไม่ได้บอกหนูหรอลูก”
“มีอะไรหรอครับ”
“เขาป่วย..”
เสียงของผู้เป็นแม่เริ่มสั่นไหว..
ผมที่ฟังอยู่ก็เริ่มใจไม่ดี..
“เซฮุนเลือดเป็นบวก..
เขาติดเชื้อHIVตั้งแต่ปีที่แล้ว
อาการพึ่งจะมาทรุดหนักเอาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง..
เซฮุนกินยาไม่เป็นเวลาตามคำสั่งของหมอ
แถมร่างกายยังทรุดเร็วเพราะเขาดื่มแล้วก็สูบบุหรี่หนัก.. เราทำใจกันแล้วลูก..”
โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือของลู่หานหลังจากฟังประโยคจากแม่ของเซฮุนจบ
ร่างเล็กที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นๆภายในห้องนอนของตน.. สมองว่างเปล่าไปหมด
ไม่มีคำพูดใด.. ไม่มีแม้แต่เสียงใดที่หลุดลอดออกมาจากกลีบปากบาง.. ลำตัวชาไปทุกส่วน
เขาไม่เคยบอกลู่หานเกี่ยวกับอาการป่วยเหล่านี้ วันที่เขามาเรียนก็ยังดูปกติ..
ลู่หานคิดว่าที่ร่างกายเขาดูทรุดโทรมก็เพราะว่าเขาดื่มหนักก็เท่านั้น
ทำไมถึงไม่เอะใจอะไรเลยสักอย่าง.. ทำไมนะ..
หยดน้ำตาร่วงหล่นลงโดยไร้เสียงสะอื้น..
มันทั้งสับสนและเจ็บจุกอยู่ภายในใจ ที่เขาบอกให้ลู่หานเลิกรอเขา
ที่เขาบอกว่าเขาไม่มีวันดีพอสำหรับลู่หาน มันเป็นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม..
มือบางอันสั่นเทาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มากดต่อสายหาเบอร์เซฮุนอีกครั้งหนึ่ง
“ตอนนี้เซฮุนอยู่ที่ไหนหรอครับ..”
.
.
ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบไปตามทางเดินของอาคารผู้ป่วย
ไม่สนใจว่าขาของตนจะปวดหนึบเมื่อยล้าแค่ไหนจากการวิ่งมาเป็นระยะทางไกล
จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งที่แม่ของเซฮุนเป็นคนบอกว่าเซฮุนอยู่ที่นี่
หัวใจเต้นถี่กระหน่ำรุนแรงผสานกับปวดหนึบไปในคราเดียวกัน..
มือเล็กกำลังยกขึ้นจะเคาะประตูหากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหญิงวัยกลางคนเดินเปิดประตูออกมาเสียก่อนพร้อมกับหมอสองสามคน..
ลู่หานโค้งให้คุณหมอและโค้งให้แม่ของเซฮุน..
ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มได้ด้วยหยดน้ำตา.. ลู่หานกัดฟันแน่น
แล้วฟังประโยคกระท่อนกระแท่นของผู้เป็นแม่ก่อนที่เธอจะปิดปากร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เซฮุนไปสบายแล้วลูก..”
ใบหน้าหวานนิ่งชะงักไปราวกับลมหายใจขาดห้วงกะทันหัน..
สมองอื้ออึงไปหมดราวกับคนที่ไร้สติ หัวใจดวงน้อยมันแตกสลายไปแล้ว..
ลู่หานอยากให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน..
ภาพทุกอย่างที่ลู่หานเคยมีเซฮุนอยู่เคียงข้างกายมันไหลวนย้อนกลับเข้ามาซ้ำๆ
ตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่เขาอยู่กับลู่หานบนโลกใบนี้..
“หนูคือลู่หานใช่มั้ยลูก
เซฮุนฝากนี่มาให้หนูด้วย..”
ใบหน้าเหม่อลอยไร้ซึ่งหยดน้ำตาหากแต่แววตาเจ็บปวดราวกับหัวใจแตกสลายนั้นทำให้ผู้เป็นแม่ยิ่งปิดปากร้องไห้หนัก..
เธอยื่นสมุดปกหนังเล่มหนึ่งให้กับลู่หาน มันเหมือนกับสมุดวาดเขียนทั่วๆไป..
มือเล็กเอื้อมไปรับสมุดเล่มนั้นจากแม่ของเซฮุน..
ทันทีที่ลู่หานได้รับสมุดเล่มนั้นก็สวมกอดมันไว้แนบอก
ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูเป็นสาย..
เสียงสะอื้นไห้นั้นจวนเจียนจะขาดใจ
เขาช่างใจร้ายกับลู่หานเหลือเกิน..
เขาใจร้ายเกินไปแล้ว..
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะใจร้ายกับลู่หานมากเพียงใด..
ลู่หานก็ยังคงรักเพียงแค่เขา..
รักเขาตลอดไป..
.
.
.
ดวงตากลมสวยกวาดมองตัวหนังสือจากลายมือหวัดๆนั้น.. ลายมือของเซฮุน..
มือบางลูบตัวหนังสือเหล่านั้นด้วยความคิดถึง อ่านตัวหนังสือของเขาทุกครั้งก็จะมีเสียงของขาพูดอยู่ในหัวราวกับกรอเทปไปมา..
ลู่หานจำเสียงของเซฮุนได้เสมอ..
‘ถ้านายเปิดอ่านสมุดเล่มนี้นายคงตกใจแน่ๆเลยที่ฉันเองก็มีมุมหน่อมแน้มอย่างนี้ด้วย
ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนมันเมื่อไหร่ดี
ฉันก็เลยตกลงกับตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกเกินเพื่อนกับนาย ฉันจะเริ่มเขียนไดอารี่เล่มนี้..’
ลู่หานยิ้ม..
คำพวกนี้ลู่หานอ่านมันซ้ำๆหลายร้อยหลายพันหนแล้ว
แต่ก็ยังรู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้อ่านมันไม่ว่าจะอีกกี่รอบก็ตาม..
มือบางเปิดหน้าต่อไป
ด้านบนเป็นรูปถ่ายของเซฮุนกับลู่หานในวันรับน้องที่เรากำลังยืนอยู่ข้างกันแหละแอบเหล่กันไปมา
ด้านล่างเป็นลายมือของเซฮุนที่เขียนด้วยหมึกปากกาสีดำ
‘ให้ตายดิ ฉันรู้สึกกับนายเกินเพื่อนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย’
14/05/20
‘วันนี้ลู่หานนั่งรถเมล์ไปส่งที่คอนโด’
เขาลิสต์รายชื่อเพลงที่เราฟังด้วยกันในวันนั้นทั้งหมด
พร้อมกับตั๋วรถเมล์สองใบถูกแปะสก๊อตเทปกับกระดาษเอาไว้อย่างดี เขาเก็บมันเอาไว้..
เพราะมันเป็นความทรงจำของเราทั้งสองคน..
‘คนอะไรนั่งอยู่ดีๆก็หลับว่ะ เห็นเอาหัวโขกกระจกรถเมล์กลัวจะเจ็บก็เลยจับให้มาโขกไหล่กันดีกว่า
นุ่มกว่าเยอะ ดูดินายฝากอะไรไว้บนเสื้อฉันด้วย’
ลูกศรชี้ไปที่ด้านล่าง ก็พบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกแปะแทปใสตามความยาว
มันคือเส้นผมของลู่หาน..
หน้าถัดไปก็มีเส้นผมสีเทาๆของเขาแปะอยู่เส้นหนึ่งตามความยาว
แถมเขายังเขียนกำกับไว้ด้วยว่า ‘นี่เส้นผมคนหล่อ’
‘รถเมล์อ่ะไม่ใช่ไม่เคยนั่งนะเว้ย
ฉันก็ไม่ได้ติดหรูเป็นคุณชายนั่งรถเมล์ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกน่า
แต่นั่งรถเมล์ครั้งล่าสุดมันนานโคตรๆมาแล้ว ฉันเห็นนายแอบหัวเราะฉันด้วยนะ แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันชอบเห็นนายหัวเราะเพราะฉัน..
ยิ้มบ่อยๆนะน่ารักดี.. ตอนที่ฉันถามนายว่ารถมันอ้อมมั้ย ฉันโคตรภาวนาให้มันอ้อมเลย
ตอนที่ฉันถามนายว่าถ้ารถติดใช้เวลานั่งนานมั้ย
ฉันโคตรภาวนาให้รถติดแบบไม่ขยับเลยยิ่งดี
เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่.. ฉันขอโทษที่ฉันทำตัวแย่ๆเราก็เลยไม่มีเวลามาโทรหากันได้ตลอด
แต่ฉันชอบนายคนเดียวนะ.. ฉันชอบนายจริงๆ ฉันจะพยายามทำตัวดีๆเพื่อนาย..’
14/05/21
‘วันนี้ได้ไปดูหนังกับลู่หาน’
ตั๋วหนังสองใบถูกแปะไว้ข้างกัน เขาทำมันอย่างเป็นระเบียบและดูน่ารัก..
‘สารภาพไปแล้วว่าชอบ.. ถึงจะอ้อมๆก็เถอะ แต่นั่นน่ะความรู้สึกของฉันจริงๆนะ
กว่าจะพูดมันออกมาได้นี่เขินแทบตายนะรู้ป่าว นายควรดีใจไว้ซะที่คนปากแข็งอย่างฉันยอมพูดอะไรน่าอายแบบนั้นกับนาย
อ้อ ฉันชอบจูบของเราโคตรๆเลยนะ.. ตอนที่นายตอบอื้อตกลงที่จะยอมรอฉันปรับปรุงตัวนี่มันโคตรน่ารักเลยให้ตาย
ฉันรักนายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว..’
14/06/25
‘ผมพลาดการไปเที่ยวสวนสนุกกับลู่หาน ผมขอโทษ ผมโคตรรู้สึกแย่..’
ตั๋วเข้าสวนสนุกยับยู่ยี่ถูกคลี่ให้เรียบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แปะไว้ด้านล่างของหน้ากระดาษ
พร้อมกับคำว่า sorry ที่เขียนเต็มหน้ากระดาษไปหมด
‘วันนี้ฉันตั้งใจจะไปเที่ยวกับนาย แต่พอก้าวออกจากห้องอยู่ๆฉันก็วูบหมดสติไป
ฉันถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล
และนายรู้มั้ยฉันเหมือนตื่นจากฝันดีมาเจอกับความโหดร้ายของชีวิตจริง..
ผลตรวจเลือดของฉันเป็นบวก.. วินาทีนั้นมันโคตรเหมือนโลกพลังทลายไปต่อหน้าต่อตา
ฉันจะเหลือเวลาบนโลกใบนี้อยู่ไม่มากแล้ว.. ให้ตายเหอะมันโคตรย่ำแย่ที่สุดในชีวิตเลย
วันนี้ฉันถูกส่งไปตรวจนู่นตรวจนี่วุ่นวายไปหมดไม่มีเวลาแม้กระทั่งโทรบอกนายว่าฉันไปไม่ได้
ขอโทษจริงๆนะครับ.. แต่ฉันอยากไปกับนายนะ
สวนสนุกเหมือนกับดินแดนแห่งสวรรค์ใช่มั้ยล่ะ ฉันอยากเห็นนายกับฉันอยู่ด้วยกันที่นั่นไง
ดินแดนแห่งสวรรค์’
14/07/01
‘วันที่ผมทำคนที่ผมรักเจ็บปวด
แต่มันก็เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเช่นกันที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน
นายทำอาหารอร่อยมากเลยนะ ฉันไม่กล้าพูดชมตรงๆฉันก็ขอชมในนี้แล้วกัน ไม่ว่ากันนะ
พรข้อสุดท้ายที่ผมอยากขอพระเจ้าคือผมขอใช้เวลาอยู่กับคนที่ผมรักสักวัน..
ก่อนที่ผมจำเป็นจะต้องปล่อยมือเขาไปเจอคนที่ดีกว่าผม..
ฉันป่วยเป็นโรคที่น่ารังเกียจ..
ฉันไม่อยากให้นายต้องมาคอยดูแลอะไรฉัน มันดูเป็นภาระ.. นายควรที่จะมีชีวิตที่ดีๆและเจอคนที่ดีๆกว่าฉัน
ผลจากการมั่วผู้หญิงนอกจากได้ความสนุกแม่งก็ไม่ได้อะไรอีกเลย.. สมเพชตัวเองว่ะ..’
หลังจากหน้านี้เขาก็พูดเรื่องอาการป่วยของเขาและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เหมือนกับชีวิตนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เขาไม่อยากกินยา ไม่อยากไปหาหมอ เพราะทำยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี..
ถ้าเขาบอกผมสักคำว่าเขากำลังเผชิญกับอะไรอยู่.. ผมจะไม่ปล่อยให้เขาต้องจากไปเร็วแบบนี้..
ที่เขาทำเหมือนไม่แคร์..
จริงๆแล้วเขาเก็บทุกรายละเอียดของเราสองคนเสมอ เขาทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเลย..
เขาเขียนไดอารี่เล่มนี้แทนคำพูดเป็นล้านในใจของเขาที่ไม่เคยบอกกับผม..
ผมไม่ได้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างคนที่เขาสนใจกับไม่สนใจ
เซฮุนให้ผมอยู่ตรงกลางใจของเขาเลยล่ะ..
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาอีกครั้งเมื่อผมเปิดมาถึงหน้าสุดท้าย..
แผ่นกระดาษค่อนข้างยับและเปื้อนไปหมด ตัวหนังสือหวัดๆของเขาที่เหมือนจับด้ามปากกาได้ยากเหลือเกินพยายามเรียงร้อยเป็นตัวหนังสือให้ผมได้อ่าน..
มันเป็นประโยคสั้นๆ หรือบางทีก็แทบไม่เป็นประโยค..
‘อยากคุยกับลู่หาน’
‘นายอยู่ไหน..
มาหาฉันได้มั้ย’
‘เจ็บจังเลย
ฉันเจ็บมากๆ’
‘ฉันคงอยู่
ไม่ได้นานไปกว่านี้แล้ว ขอให้นายมีความสุขมากๆนะ โชคดี..’
‘ฉันรักนาย
รักนายนะ ลู่หาน’
ดอกแดนดิไลออนสีขาวถูกแปะอยู่บนกระดาษหน้าสุดท้ายคาดด้วยเทปใสแน่นหนา..
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันแห้งไปหมดแล้ว แต่มันก็ยังคงสวยงามเสมอ..
มือบางปิดสมุดไดอารี่..
ก่อนที่น้ำตาจะไหลหยดลงกระทบกับปกหนังสีน้ำตาล.. หัวใจดวงน้อยยังคงมีแค่เซฮุน..
มีแค่เขาอยู่เต็มดวงถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบปีแล้วก็ตาม มันทั้งเจ็บปวดและแสนสาหัสในยามคิดถึง
แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลู่หานมีความสุขเหลือเกินที่ชีวิตนี้ลู่หานได้เจอกับเขา
ได้รักเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่สั้นๆก็ตาม..
“ฉันก็รักนายนะเซฮุน..
ฮึก..”
ดอกแดนดิไลออนสีขาวปลิวลอยมาตามแรงลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง..
จนกระทั่งปลิวตกลงปกสมุดสีน้ำตาล.. ราวกับคำปลอบประโลมจากคนที่อยู่ไกลแสนไกล..
ดอกแดนดิไลออนสีขาว
หมายถึง หมายถึงเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ..
อีกทั้งยังหมายถึงความเงียบสงบ
และขอให้โชคดี..
END
#ddlhunhan
------------------------------------------------------------------------------------------------------
พึ่งได้อ่าน เป็นฟิคสั้นที่ดราม่ามากตั้งแต่ที่ตัวเราเองเคยอ่านมา บอกตรงๆว่าหน่วงมาก แต่ก็แอบสะใจและสมน้ำหน้า เพราะเซฮุนทำตัวเอง ไปมั่วเอง เหอะ.. นายคงอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสินะเซฮุน มันสายไปแล้วแหละเสียใจด้วย นี่สรุปเราเสียใจหรือดีใจกันแน่ 555
ตอบลบชอบๆ แนวที่มันบีบใจแบบนี้ (รู้สึกว่าตังเองจะโรคจิต- -) ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะค่าาา
ตอบลบ