วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

Cherry boy story : เปลี่ยนเทยให้เถื่อน #4

Cherry boy story : เปลี่ยนเทยให้เถื่อน

Chapter : 4



            ผมเป็นโรคเกลียดตุ๊ด
            เพราะเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนั้นทำให้ผมขยะแขยงสิ่งมีชีวิตที่มีสองเพศในร่างเดียว เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนหรือตุ๊กแก ยิ่งสังคมสมัยนี้ค่อนข้างเปิดกว้างมันเป็นไปได้ยากที่ผมจะหลบหนีพวกเขาให้ไกล  นอกเสียจากผมจะขึ้นยานหนีไปอยู่ดาวอังคาร ซึ่งถ้าผมทำจริงผมก็แม่งบ้าแล้ว
            ในช่วงมัธยมผมเป็นหนักถึงขั้นไล่ถีบตุ๊ดเลยทีเดียว จะเป็นใครหน้าไหนผมก็ไม่สนอ่ะ มาแตะต้องตัวผมนิดเดียวตีนผมแม่งลั่นเลย เซนส์เกลียดตุ๊ดของผมแรงมากๆ ถ้าประเทศไทยมีเครื่องดักจับระเบิด เกาหลีก็มีเครื่องดักจับตุ๊ดก็คือผมอ่ะ อย่างไอ้แบคฮยอนเพื่อนไอ้หานนะ แม่งไม่ค่อยเนียนเลยให้ตายเหอะ สงสัยไอ้หานมันรู้ว่าผมเกลียดตุ๊ดมั้งมันเลยสั่งให้แบคฮยอนแอ๊บแมนเพื่อผม เอาเหอะ เห็นแก่ความพยายามกูไม่ถีบก็ได้ครับแหม่
            พูดถึงเรื่องไอ้หานแล้วผมก็อยากเอาหัวจุ่มชักโครกว่ะครับ
            ผมเกลียดตุ๊ด แต่ความรู้สึกของผมมันกำลังสวนทางกับไอ้ประโยคนั้นเข้าอย่างจัง ถึงไอ้หานจะไม่ได้เป็นตุ๊ดเพราะเซนส์ผมบอกว่ามันไม่ได้เป็น แต่เรื่องที่ผมรู้สึกกับมันแม่งก็เข้าข่ายตุ๊ดเกย์ชายรักชายหรือเปล่าวะ ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาคิดเรื่องแม่งอยู่ทั้งคืน หลังจากกลับจากห้องของมันวันนั้นผมก็นอนหลับไม่ค่อยเต็มอิ่มอีกเลย
            เอาแต่คิดถึงแม่งทั้งคืน..

            คือมันเป็นความเหี้ยส่วนตัวของผมเองแหละ ผมกำลังสับสนว่าควรทำยังไงต่อไป ปล่อยความรู้สึกให้แม่งค้างคาอยู่อย่างนี้เชื่อเถอะผมได้อกแตกตายแน่ๆ ถ้าจะให้ถอยหลังกลับผมไม่อยากถอยเลยว่ะ แต่ถ้าจะให้เดินหน้า ไอ้ประโยคผมเกลียดตุ๊ดนั่นมันยังค้ำคอผมอยู่

            โว้ย ช่างแม่ง ไม่คิดห่าอะไรทั้งนั้นแล้ว!!


            มึงไม่เมื่อยหน้ามึงมั่งหรอวะเซฮุน เสียงไอ้หานคู่กรณีเองแหละ มันนั่งอยู่ข้างๆผมบนเบาะของรถไฟ เรากำลังจะไปรับน้องจิตอาสาห่าเหวอะไรนั่นที่ทะเล พวกพี่แม่งบอกเพื่อความออริจินอลครับ นั่งรถไฟไปรับลมเย็นๆเฮฮาดีไม่ต้องอารมณ์เสียเพราะรถติด นั่งเรื่อยๆไปเดี๋ยวก็ถึง พวกมึงประหยัดค่ารถก็บอก เห็นกูกินหญ้าหรอ แต่ก็โชคดีหน่อยที่รถไฟไม่ได้เก่าคร่ำครึอะไรมาก มีเบาะนั่งสบายหน่อย พอถึงกลางๆทางพวกพี่เสื้อช็อปก็เอาละครับชนขวดชนแก้วก๊องแก๊ง ใจเย็นๆก่อนเฮ้ยพวกมึงมาดูแลน้องไม่ใช่ให้น้องมาดูแลพวกมึง วิดวะนี่แม่งวิดวะจริงๆ
            เมื่อยไร กูก็นั่งของกูอยู่เฉยๆ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยอยากคุยกับไอ้หานเท่าไหร่เพราะกลัวใจตัวเอง พอไม่ได้คุยก็ฟุ้งซ่านคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างเมื่อกี้นั่นแหละ และสุดท้ายก็ยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง..
            เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของคนตัวเล็กข้างๆปลิวไปมาตามแรงลม ผมให้มันนั่งริมหน้าต่างมันจะได้มองวิวข้างทางแก้เหงาที่ผมไม่คุยกับมัน ลู่หานมันตัวเล็กกว่าผมมากๆ ไหล่นี่คนละเบอร์เลย นั่งข้างกันนึกว่าพ่อกับลูก ตากลมๆใสๆนั้นจ้องมองผมกลับหน้ามุ่ยๆ ไอ้ห่า ทำหน้าตางุงินี่ต้องการอะไรวะ.. แม่งชอบทำหน้างี้ใส่ผมตลอด
โว้ย!!
           
น่ารัก..

            ถึงคราวกูต้องฮึบบ้างแล้วล่ะครับ
            ฮึบ!

            ก็หน้ามึงอ่ะ เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็อมยิ้ม เดี๋ยวก็ทำหน้าโหด มึงเป็นเหี้ยยยยยยยยยไร
            ลากเหี้ยยาวจังวะ
            นี่หน้าผมเป็นอย่างที่มันบอกจริงๆหรอ ก็คิดเรื่องมึงอยู่ไงวะไอ้นี่เดี๋ยวต่อยคว่ำ เป็นเพราะมึงแหละ มึงเลยไอ้หาน!!

            ทำหน้าโหดอย่างนี้ค่อยสมกับเป็นคนเหี้ยๆหน่อย มันยิ้มครับ กูนี่ยิ้มตามเลย เกลียดตัวเองชิบหาย

            ผมชวนมันคุยเพราะเห็นหน้ามันหงอยๆซึมๆ หิวมั้ย
            กูง่วงมากกว่า
            อะไร ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยหรอ
            เออดิ กูกลัวอ่ะ แม่งจะพากูทำอะไรบ้างก็ไม่รู้
            ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าใครทำอะไรมึงให้มาบอกกู
            ทำไม มึงจะไปต่อยพวกรุ่นพี่หรือไง กล้าหรอ
            เออ ถ้าพวกมันกล้าทำมึงกูก็กล้าต่อยพวกมันอ่ะ
            มึงแม่งแปลกๆ..
            ลู่หานมองผมด้วยสายตาสงสัย มันเอาแต่พูดว่าผมแปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อย่าพึ่งมาสงสัยอะไรกูเลยเพราะกูก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย..

            มึงไม่ต้องมาสงสัยอะไรในตัวกูหรอก ที่กูทำดีกับมึงก็เพราะมึงเป็นเพื่อนกู กูเกลียดตุ๊ดเกลียดเกย์ขยะแขยงจะตายห่ามึงก็รู้ ถ้ากูทำอะไรแปลกๆให้มึงคิดไปไกลกูก็ขอโทษด้วยแล้วกัน
           
            หน้าของลู่หานนิ่งไปเลย.. เหมือนกับผมพูดอะไรแทงใจของเขาเข้าอย่างจัง ตาของมันแดงๆแต่มันก็เสหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถไฟไม่ให้ผมเห็น

            กูก็แค่เป็นห่วง.. เห็นมึงไม่ค่อยสบายใจก็เลยถามดู แต่ถ้ามึงไม่ได้เป็นอะไรมันก็ดีแล้ว

            ... ให้ตายเหอะ.. เมื่อกี้ผมแม่งพูดอะไรออกไปวะ

            กูเข้าใจแล้ว..

            เหมือนลมหายใจของผมมันสะดุดไป.. ผมอยากดึงมันกลับมาแล้วตะโกนใส่หน้ามันว่าขอโทษ แต่ก็คงดีแล้วถ้าจะให้มันคิดไปแบบนั้น..

            เวลาผ่านไปเรื่อยๆอย่างน่าอึดอัด ผมกับลู่หานไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย มันยิ่งแย่อยู่แล้วผมกลับทำให้มันแย่ลงไปอีก มันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างไม่สนใจผมเลย.. เออ ก็มึงไปพูดใส่เขาแบบนั้นจะให้เขามาสนใจหรือเป็นห่วงอะไรมึงอีกล่ะ สมน้ำหน้าแล้วมั้ย
            อึดอัดใจชิบหายเลยโว้ย.. ไปแดกเหล้ากับพวกพี่เสื้อช็อปดีมั้ยวะ

            แต่จู่ๆหัวกลมๆก็เลื่อนมาแปะอยู่บนไหล่ของผม ลู่หานมันหลับไปแล้ว.. หนีหลับไปแล้วทิ้งให้ผมกระวนกระวายใจหน้าเปลี่ยนสีเป็นไฟจราจรอยู่คนเดียวแบบนี้อ่ะนะ ไอ้หานนี่มันไอ้หานจริงๆเลย..
มือใหญ่จับหัวทุยๆนั้นให้นอนซบลงบนไหล่ดีๆ เกลี่ยเส้นผมนิ่มนั้นไปมาอย่างเผลอตัว ตาคมทอดมองสันจมูกรั้นๆและขนตางอนยาวจากมุมสายตา.. ถึงปากจะพูดทำร้ายจิตใจอีกคนแค่ไหน สุดท้ายมันก็แพ้ความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี

            กูขอโทษนะครับ..






            เมื่อมาถึงทะเลพวกเราก็โดนไล่ต้อนเข้าที่พักครับ ส่วนไอ้พวกพี่ๆที่กรึ่มๆจากบนรถไฟก็ไปปูเสื่อก๊งกันต่อที่ริมชายหาด เรามาถึงในช่วงเย็นๆพระอาทิตย์ตกดินกำลังสวยเลย ไอ้หานเดินสะพายเป้ทำหน้ามึนๆตื่นครึ่งไม่ตื่นครึ่งอยู่ข้างหลังผม ไอ้พวกผู้ชายวิศวะคนอื่นๆนี่มองตามมันอย่างเปิดเผยเลย แต่พวกมันก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งกับลู่หานเพราะมีผมเป็นเพื่อนมัน บางทีหน้าตากับสันดานโหดสัดนี่มันก็มีประโยชน์
            ผมเดินให้ช้าลงเพื่อจะได้เดินเคียงข้างกับมัน ลู่หานมองหน้าผมมึนๆก่อนจะก็ก้มลงมองพื้น หน้ากูเหมือนปลวกดินหรอถึงไม่อยากมองน่ะห๊ะ
            ไอ้หาน
            ไร
            กูนอนข้างมึงนะ
            เออ เอาที่มึงสบายใจอ่ะ

            แม่งเอ๊ย!!
โกรธกูชัวร์อ่ะ หรือเป็นเพราะมันพึ่งตื่นวะเสียงเลยมึนๆเซ็งๆ กูเป็นผู้ชายคิดบวกไว้ก่อนล่ะ

พวกเราที่เป็นผู้ชายได้นอนในห้องใหญ่รวมกันเลยทั้งหมด ส่วนผู้หญิงที่มีอยู่น้อยนิดไปนอนกับพี่ที่เป็นผู้หญิงอีกน้อยนิดเช่นเดียวกัน ผมลากไอ้หานตรงดิ่งเข้าไปนอนมุมห้องด้านในสุดเลย หน้ามันก็ดูไม่ยินดียินร้ายอะไร เหมือนแค่ทำไปตามที่ผมต้องการจะได้จบๆ
ผมให้มันนอนติดกำแพง ส่วนผมก็นอนคั่นไม่ให้มันนอนข้างผู้ชายวิศวะที่ไหนอีก ไอ้หานนอนข้างผู้ชายวิศวะได้คนเดียวก็คือกู ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาฟรีครับ ฟรีไปจนถึงเช้าเลย ใครอยากกินข้าวหรือไปเซเว่นก็ไปเพราะพวกพี่ปล่อยทุกอย่าง โตเป็นควายแถมยังเรียนวิศวะด้วยจะมาตามดูแลเป็นเด็กอนุบาลมันก็ไม่ใช่ แต่จะไปไหนก็ต้องบอกพี่เขาก่อน
            ผมทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนฟูกเมื่อจัดของเสร็จ จัดของที่ว่าคือเอากระเป๋าวางไว้บนหัว เช็คของว่ายังอยู่ครบดี แค่นั้นแหละ ไอ้หานเองก็นอนอยู่ข้างๆผม นึกว่ามันจะหลับต่อซะอีก มันกำลังคุยโทรศัพท์บอกพ่อกับแม่มันอยู่ว่าถึงที่พักแล้วเรียบร้อยปลอดภัย ผมนอนมองมันจนมันรู้ตัว.. เฮ้ย ไม่ได้เสือกเรื่องที่มึงคุยโทรศัพท์นะเว้ย

            หิวข้าวหรอ มันถามผม สงสัยคิดว่าที่ผมมองมันเพราะผมหิวข้าวแล้วรอมันไปกินด้วยกันมั้ง
            อะ.. เออ
            แม่แค่นี้ก่อนนะครับ ปะเซฮุนไปแดกข้าวกัน หิวสัด
            ผมกะเด้งตัวขึ้นจากฟูกทันทีที่มันชวนจบ เราเดินออกมาจากที่พักหาร้านข้าวริมทะเลไปเรื่อย ลมเย็นๆจากทะเลในช่วงค่ำนี่มันโคตรดีเลยว่ะ ผมเดินตามตูดไอ้หานให้มันเป็นคนเลือกร้านเอง สุดท้ายมันก็เลือกร้านข้าวตามสั่งง่ายๆร้านหนึ่ง เมื่อเดินเข้ามาในร้านก็เจอเพื่อนๆวิศวะนั่งกินข้าวอยู่เป็นกลุ่ม เราเลือกหาที่นั่งด้านในๆแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเลือก เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง
            ตากลมๆนั้นมองสบตากับผมทันที โหย รู้งี้เข้าร้านแพงๆดีกว่า
            เปลี่ยนร้านป่ะล่ะ
            บ้า เข้ามานั่งขนาดนี้แล้ว
            เราหัวเราะแล้วสั่งกับข้าวมากินสองสามอย่าง พึ่งจะเคยกินข้าวกับมันนอกสถานที่ก็วันนี้แหละ ปกติกินแค่ในคณะตอนเที่ยงเท่านั้นเอง..

            เมื่อเราทานข้าวเสร็จเราก็ตกลงกันว่าไปเดินเล่นกันก่อนค่อยกลับเข้าไปที่พัก ถ้ากลับเข้าที่พักตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำครับน่าเบื่อ มาทะเลทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้ทั่วๆดิ แต่เป็นเพราะมันมืดค่ำแล้วเราก็เลยไม่ไปที่ไหนไกล เดินเล่นมันแถวๆชายหาดเนี่ยแหละ เพื่อนวิศวะและพี่เสื้อช็อปก็เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่แถวๆนี้เยอะแยะ บางคนผมก็คุ้นๆว่ามันไม่ได้อยู่ภาคปิโตรนี่หว่า..

            ไอ้ฮุน!!
            ผมหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเพื่อนผมที่อยู่อีกภาคหนึ่ง แม่งมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ มันวิ่งฉับๆเข้ามาหาผม
            ไอ้จงอิน มึงมาได้ไงวะ
            กูก็มีรับน้องที่นี่เหมือนกัน นอนห้องพักข้างมึงเลยด้วย
            เหี้ย ไมมึงไม่บอกกูสัด
            กูก็พึ่งรู้เหมือนกันเนี่ยแหละ อ้าว หวัดดีลู่หาน
            ผมถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อไอ้จงอินเพื่อนผมมันทักลู่หาน พวกแม่งไปรู้จักกันตอนไหนวะ
            หวัดดีจงอิน.. เสียงอ่อยๆบวกกับหน้าแหยๆของลู่หานนั้นทำให้ผมงง ทั้งที่ไอ้จงอินมันออกจะยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนพวกมันมีความลับอะไรกันที่ผมไม่รู้

            ผมขมวดคิ้วมองพวกมันอย่างสงสัย.. แต่จู่ๆก็มีกลุ่มวิศวะกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาไอ้จงอิน หน้าพวกมันคุ้นๆชอบกล เพ่งมองหน้าพวกแม่งดีๆแป๊บนึงนะ
            เหี้ย! ชัดเลย กลุ่มพวกไอ้ฟรอยด์ขัดหม้อที่มันขอเบอร์ลู่หานนี่หว่า!
            พวกมันอยู่ภาคโยธาหรอวะ โลกนี่แม่งก็กลมจริงจัง อีนั่นที่ผมอุปโลกน์ว่าชอบก็อยู่ด้วย เมื่อพวกมันเห็นผมกับลู่หานมันก็พูดทักทาย ไอ้จงอินโดนคนอื่นลากไปนู่นแล้ว เหลือแค่ไอ้ฟรอยด์กับอีนั่น(ยังไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน)ยืนคุยกับเราสองคน
            “อ้าว หวัดดีลู่หาน” ทักทายลู่หาน ไม่มองหน้ากูเลยสักนิด ดียยยยยยยยย
            “หวัดดีฟรอยด์” นี่ก็จะไปยิ้มให้มันทำไม เห็นผู้ชายหล่อเข้าหน่อยทำตาวิบวับหรอ
            “ทำไมไม่รับสายกูเลยอ่ะ กูโทรไปทุกวันเลยนะ ไม่ว่างหรอ”
            “คือ..” กูสั่งไม่ให้มันรับสายมึงเอง มีไรป่ะ
            “ว่าไง” ไอ้ฟรอยด์มันคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ ผมกำลังจะตอบมันแทนลู่หานแต่ลู่หานก็พูดขึ้นมาซะก่อน
            “ช่วงที่มึงโทรมากูไม่ค่อยว่างอ่ะ สี่ทุ่มกูกำลังทำการบ้านเลย การบ้านเสร็จปุ๊บกูก็นอนปั๊บ เห็นเบอร์มึงอีกทีก็ตอนเช้าแล้วอ่ะ แล้วตอนเช้าเราก็มีเรียนกันทั้งคู่อ่ะ ก็เลยไม่ได้โทรกลับ”
            สกิลแถของไอ้หานนี่ไม่ธรรมดาจริงๆครับ แต่คำตอบมันก็ดูซอฟต์ลงและถนอมน้ำใจมากๆ ผมมองหน้าไอ้ฟรอยด์ตาขวาง เอาจริงๆผมก็มองทุกคนตาขวางหมดนั่นแหละ

            “แล้ว.. ใครขอเบอร์เราหรอ” ผู้หญิงเพื่อนไอ้ฟรอยด์ถามลู่หาน อีนั่นนั่นแหละ แม่งก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่เบอร์ของเธอผมขยำทิ้งถังขยะไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว
            ลู่หานทำหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะชี้มาที่ผมที่ยืนอยู่ข้างๆเขา “คนนี้..”
            อีนั่นทำตาโตเลย.. ไม่รู้ว่าตกใจที่คนที่เธอตามหาดันยืนอยู่ข้างๆนี้เองหรือว่าตกใจเพราะผมหล่อกันแน่(อ้วกแป๊บ) เอาเหอะ กูไม่ได้ชอบมึงครับ

            “ทำไมไม่โทรหาเราเลยล่ะ”
            “มีคนสั่งห้ามไม่ให้โทร”
            “เอ๋?”
            “คนนี้”
            ผมเอานิ้วชี้จิ้มหัวกลมๆของไอ้หาน ผมไม่จำเป็นต้องแถเพื่อถนอมน้ำใจของใครทั้งนั้น พูดออกไปตรงๆนั่นแหละเดี๋ยวแม่งเลยเถิดไปไกลอีก ทุกคนทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ รวมถึงลู่หานเองก็ด้วย
           
“ทำไมล่ะ” ไอ้ฟรอยด์ถาม ขี้เสือกจังเลยมึงอ่ะ
            ลู่หานพยายามจะอธิบายแต่เหมือนยังคิดไม่ออก “คือ..”
            “อย่าบอกนะว่าพวกนายคบกัน”
            “จะบ้าหรอ!! เป็นไปไม่ได้หรอก”
            บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่ลู่หานตะโกนออกไปแบบนั้น.. ผมกับลู่หานก้มลงมองเท้าตัวเองอย่างคนมีอะไรในใจ ส่วนไอ้สองคนนั้นก็มองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย

            ผมดึงแขนไอ้หานแล้วพามันวิ่งกลับที่พัก ไม่ต้องพูดห่าอะไรต่อแล้ว ทำไมต้องคอยหาเรื่องแถมาตอบคำถามพวกมันด้วยวะ ขนาดตัวกูเองยังหาคำตอบไม่ได้เลย อย่ามาทำให้ปวดประสาทไปมากกว่านี้อีกจะได้มั้ยวะ
            เมื่อเรามาถึงที่พัก ไอ้หานก็หนีผมไปอาบน้ำ ไอ้ห่านี่ก็เอาใจยากจังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ผมนั่งเอาตัวพิงหมอนสงบสติอารมณ์ พยายามคิดว่าทำไมถึงหงุดหงิดง่ายๆแค่ไอ้ฟรอยด์ขัดหม้อมันกวนตีน คิดไปคิดมาก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ..
            เพราะคำตอบของเหตุผล มันคือลู่หานทั้งหมดเลย

            นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลาสามทุ่มกว่าๆ คนตัวเล็กก็เดินถือแปรงสีฟันเข้ามายังที่นอนตัวเอง ลู่หานใส่ชุดสบายๆของมันนั่นแหละ เสื้อยืดกางเกงบอล สงสัยต่อคิวอาบน้ำกันอยู่มั้งก็เลยกลับมาช้า
            “ไง” ผมทักมัน
            “ไงอะไร ทำตัวเหี้ยๆใส่กูเหมือนเดิมเถอะกูขอร้อง”
            “ได้ กูนึกว่ามึงตกส้วมตายห่าไปแล้ว กลับมาช้าชิบหาย ทำเหี้ยอะไรอยู่”
            “โห.. เป็นชุดเลย กูต่อคิวรอห้องน้ำ เด็กวิศวะตั้งสองภาครวมกัน”
            “แล้วตอนนี้โล่งมั่งยังวะ”
            “โล่งแล้ว มึงไปอาบดิ”
            “อืม เดี๋ยวมานะ”
            “...”
            “แฮ่ม! เดี๋ยวกูมาไอ้สัด เห็นหน้ามึงแล้วกูคันตีน ไปแล้ว!

            ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้หานถึงบอกว่าผมแปลกๆ
เออ แปลกจริงๆด้วย..



            ผมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกทีตอนเกือบๆสี่ทุ่ม หลายคนก็เริ่มนอนแล้วด้วยความเพลียจากการเดินทาง ลู่หานนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อผมนั่งลงบนฟูกมันก็เอาผ้าห่มออกจากหัวของมันมองผมตาแป๋ว ยังกับมันรอผมแน่ะ
            “ไง” ผมทักมันอีกครั้งแล้วเอนตัวลงนอนตะแคงตัวไปทางมัน ลู่หานทำตาโตเลย ทำไม ไม่เคยเห็นคนเหี้ยตอนจะนอนหรือไง พึ่งอาบน้ำเสร็จหน้าสดเอาผมลง แต่งตัวสบายๆเหมือนกับมึงอ่ะ

            “ก็ไม่ไง.. เอ่อ” มันหลบสายตาผม พูดอึกอักในลำคอ ดูจากอาการแล้วนี่มันเขินชัดๆเลย..

            “มีอะไร.. จะพูดไรก็พูดดิ”
            “ถ้ากูพูดอีกเดี๋ยวมึงก็ด่ากูอีก”
            “ทำไม จะบอกว่ากูแปลกๆอีกหรอ”
            “อืม”
            “ฮ่ะๆๆ”
            “หัวเราะไร ไอ้บ้า” ลู่หานทำหน้ามุ่ย
            “ไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวที่คิดว่าตัวกูแปลกๆหรอกนะ”
            “...”
            “กูก็คิด”
            ผมยอมรับออกมาต่อหน้ามันอย่างแมนๆ ผมรู้สึกว่า.. ยิ่งอยู่ใกล้ๆมันผมก็ยิ่งอยากรู้จักมันให้มากยิ่งขึ้นไปอีก นี่เรียกว่าผมกำลังสนใจในตัวมันหรือเปล่า และถ้าอยากให้มันเปิดเผยอะไร ผมก็ควรเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองก่อน แฟร์ๆไง ผมไม่เอาเปรียบใครอยู่แล้ว

            “มึงเล่าเรื่องของมึงให้กูฟังบ้างดิ” ถึงตาที่ลู่หานต้องเล่าให้ผมฟังบ้างแล้ว
            มันมองหน้าผมตาแป๋วแล้วตะแคงตัวมาทางผม “เรื่องอะไร”
            “อะไรก็ได้”
            “งั้น.. เรื่องครอบครัวกูก็แล้วกัน”
            “เอาดิ”
            “ครอบครัวกูมีสี่คน พ่อ แม่ พี่สาว แล้วก็กู ด้วยความที่กูเป็นลูกคนสุดท้อง ทุกอย่างที่กูได้ย่อมจะตกทอดมาจากพี่สาวกูทั้งนั้นอ่ะ ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น บางทีแม่กูก็จับกูใส่กระโปรงเฉยเลย แม่งก็ตลกดี พี่สาวชอบชวนกูเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ ดูการ์ตูนแบ๊วๆของผู้หญิง จนกู.. นั่นแหละ โตขึ้นมา..”
            “มึงน่าจะเป็นตุ๊ดไปแล้วนะไอ้หาน”
มันสะดุ้ง
            “มึงเห็นว่ากูเป็นป่าวล่ะ”
            “ก็ไม่นี่ มึงก็ปกติ ถ้ามึงเป็นกูถีบมึงติดฝาข้างนู้นแล้ว”
            “กู.. กูง่วงแล้ว ฝันดีนะ”
            “หลับมาทั้งวันแล้วยังจะนอนลงอีกหรอ เฮ้”
            มันพลิกตัวตะแคงหนีผมเข้าข้างฝาแล้ว เป็นไรวะ ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า แม่งเอาใจยากจริงๆด้วย เออนอนก็นอนวะ
           
            ผมพลิกตัวตะแคงหนีมันไปอีกฝั่ง แล้วก็หลับไปเลยง่ายๆซะอย่างนั้น สงสัยเพลียจากการเดินทางแถมตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วย
            โดยที่ผมไม่ได้รู้เลย ว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆผมนั้นกำลังกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครได้ยิน..





            ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
            “ตื่นได้แล้วครับ! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน! ถ้าเกิดน้ำมันรั่วขึ้นมาแล้วพวกคุณเอาแต่นอนอยู่อย่างนี้ มูลค่าที่เสียไปเพราะวิศวกรขี้เกียจอย่างคุณมันมหาศาลนะครับ!!
            โอ้โหสัด..
            คำปลุกของพวกมึงปลุกใจกูเหี้ยๆเลย
            สมกับเป็นว่าที่วิศวกรแสนเท่ชิบหาย

            พวกเราโดนปลุกด้วยเสียงนกหวีดปรี๊ดๆจนแก้วแทบร้าว ไม่ใช่แก้วกินน้ำหรอก แก้วหูกูนี่แหละ ตะเกียกตะกายกันจากฟูกไปต่อแถวอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็ออกไปกินข้าวกันเฮฮาครับเวลาเช้าๆริมทะเลแบบนี้ พวกพี่เขาแจกข้าวกล่องคนละกล่องแล้วก็ให้เราแยกย้ายไปหาที่กินเอาเอง จะนั่งกินในทะเลก็ไม่มีใครว่ามึง พ่องดิสัด
            ผมก็ลากเพื่อนหนึ่งเดียวของผมมานั่งกินเงียบๆใต้ต้นมะพร้าวครับ ไอ้หานตามันดูบวมๆชอบกล สงสัยนอนเยอะ เราไม่ได้คุยไม่ได้ถามอะไรกันมาก จนกระทั่งพี่เป่านกหวีดปรอทแตกเรียกรวมเราอีกครั้ง เท่านั้นแหละครับ รู้เรื่องเลยว่าความโหดสัดและโซตัสแม่งเป็นยังไง ซึ้งเลยแม่งเอ๊ย..
            กูว่าแล้ววววว เอาข้าวเช้ามาเลี้ยงแล้วปล่อยให้นั่งกินสบายๆ แม่งเหมือนเอาอาหารให้ปลากินแล้วจับมาเชือดอย่างเลือดเย็นสินะ ไอ้ห่าาาาาา

            พวกพี่ๆแม่งมีอาวุธเป็นทะเล หาดทราย และเสียงว้ากครับ ว้ากได้ว้ากดี ผมเข้าใจไอ้หานเลยว่าแม่งกลัวอะไร ถ้าผมเป็นผู้ชายตัวเล็กๆติ๋มๆอย่างมันคงโดดรับน้องว่ะ ดูพวกแม่งเล่นแต่ละอย่างไม่ธรรมดาครับ สั่งให้วิ่งแข่งจากหาดนี้ไปหาดนู้นนนนนนน ใครแพ้ลงทะเลไปงมเหรียญสิบ ไอ้เหยดแหม่ เหรียญสิบในทะเลมึงคิดว่ามันหาง่ายหรอ ให้พ่อมึงงมเหอะ

            ยังไม่พอครับ วิศวะมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ขวดกลมๆที่มีน้ำสีอำพันอยู่ข้างใน..
            ปีหนึ่งอย่างพวกผมก็เบาๆครับ หนึ่งแก้ว แต่เป็นแบบเพียวไม่ผสมน้ำ โลกเอียงกันไปข้างเลยครับ ผมแอบกินแทนไอ้หานมันไปแก้วนึง เห็นพระอาทิตย์สองดวงเลยแม่งเอ๊ย..

            จบพิธีก็ตอนบูมในทะเลเสร็จนั่นแหละ บูมไปกี่รอบก็ตามรุ่นอ่ะครับ พวกผมรุ่น53ก็บูมเอาหัวจุ่มทะเลแม่งไปดิ53รอบ เสียงแหบไม่เท่าไหร่ ช่วงล่างเปื่อยกันหมดแล้ว
            อีพวกพี่ก็ทำซึ้งครับ วิศวะพูดไม่หวานแต่พูดตรงและจี้ใจมาก ผมว่าผมเองก็เป็นคนแบบนั้นนะ และคิดว่าเลือกไม่ผิดที่มาเข้าเรียนคณะนี้ มันแม่งโคตรตัวผมเลย เท่ส่าดดดดดดดดดดด พอทำซึ้งให้น้ำตาแตกกันเล่นๆแล้วพวกเราก็โดนปล่อยตัวให้เล่นน้ำทะเลกันตามอัธยาศัย พวกพี่ที่โหดๆเมื่อกี้เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือขาวๆเลย เข้ามาเล่นทะเลกับน้องเป็นเด็กๆ สายสัมพันธ์พวกเราสร้างกันไม่ยาก และมันก็ไม่มีวันขาดง่ายๆด้วย

            พอพระอาทิตย์กำลังคล้อยตกลงลู่ผิวน้ำทอแสงสีส้มไปทั่วทั้งบริเวณ พี่ๆก็ใช้นกหวีดมหาประลัยนั้นเป่าเรียกให้พวกเราขึ้นฝั่งไปอาบน้ำและหาข้าวกินกันได้แล้ว ผมดึงข้อมือไอ้หานให้เดินตามผมมา วันนี้มันปลอดภัยหายห่วงสบายดากเลยเพราะมีผมคอยแผ่แม่เบี้ยอยู่ข้างมันตลอด พอพี่จะแกล้ง ผมก็วิ่งไปรับแทนมันตลอด ชีวิตดีเกินไปแล้วนะมึงอ่ะ..
            “หิวข้าวยัง” ผมถามมันไปด้วยยิ้มให้แม่งไปด้วย เห็นป่ะ แม่งชีวิตดีสัดๆอ่ะอยู่กับกูอ่ะ
            “อื้อ มึงอ่ะ”
            “หิวจนจะแดกมึงได้ทั้งตัวแล้ว”
            “เฮ้ย แดกไร พูดดีๆนะเว้ย”
            ทำหน้าทะเล้นใส่แม่ง แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน
           
            แต่เรายังไม่ทันได้เดินไปไหนไกลก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกของพี่เสื้อช็อปคนหนึ่งดังขึ้นมากลางชายหาด ทุกคนต่างก็เดินไปมุงพี่คนนั้น ผมกับลู่หานเองก็เช่นกัน เผื่อว่าพี่เขาจะมีเรื่องด่วนอะไรต้องประกาศ

            พี่คนนั้นชูของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในมือขึ้นแล้วพูดประกาศอีกครั้ง “กระเป๋าอันนี้ของใครครับ มีคนเอามาแจ้งว่าเป็นของเด็กภาคปิโตร ของน้องผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า”
            ผมหรี่ตาลงแล้วเพ่งมองของที่อยู่ในมือของเขา แม่งเหมือนกระเป่าเอาไว้ใส่ตังค์เหรียญ เป็นลายคิตตี้สีชมพูมีขนมิ้งค์ด้วย ของผู้หญิงชัวร์ๆว่ะ น่าจะตามหาเจ้าของไม่ยากนะเพราะในที่นี้ก็มีแต่ผู้ชายวิศวะตัวเขื่องๆกันทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นของผู้ชายแม่งก็เป็นตุ๊ดแล้วเหอะ

            “มีเด็กโยธาเก็บได้น่ะ ใครเป็นเจ้าของออกมาเอาเลยนะครับ ในนี้ดูเหมือนจะมีบัตรอะไรอยู่ด้วยนะ”
            คนเริ่มมามุงเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อมันไม่ใช่ของผมและไม่ใช่ของไอ้หานแม่งก็ออกไปอาบน้ำกินข้าวเหอะว่ะอยู่ให้คนเบียดทำไมเยอะแยะ ผมกระตุกข้อมือลู่หานเพื่อบอกให้เราเดินออกไปกันเถอะ แต่มันก็ไม่ขยับตัวเลย ผมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าลู่หาน มันหน้าซีดเอามากๆและเอาแต่จ้องมองไปที่กระเป๋าคิตตี้สีชมพูนั้น
            “ของใครแม่งก็ออกไปเอาดิวะ” เสียงไอ้ผู้ชายข้างผมพูดออกมา
            “เปิดดูบัตรเลยเหอะจะได้ตามหาเจ้าของถูก”
            ผมยังคงยืนมองหน้าไอ้หาน.. เหมือนมันกำลังกัดฟันแน่นและนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจ

            “ถ้าไม่มีใครออกมาเอาพี่จะเปิดกระเป๋าดูบัตรแล้วนะครับ”
            พี่เสื้อช็อปกวาดมองดูทุกคนรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะลดมือที่ถือกระเป๋าลงมาตั้งท่าจะรูดซิปเปิดมันออก ลู่หานสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของผมก่อนจะวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปยืนตรงหน้าของพี่เขา ทุกคนมองไปยังลู่หานเป็นตาเดียว ผมไม่รู้ว่ามันทำหน้ายังไงเพราะมันยืนหันหลังให้ผมอยู่ พี่เสื้อช็อปคนนั้นมองหน้าลู่หานอย่างงงๆ

            กระเป๋าตุ๊ดๆอย่างนั้นจะเป็นของมันอย่างนั้นหรอ
            แม่งเป็นไปไม่ได้หรอก..
            เป็นไปไม่ได้..


          “กระเป๋าคิตตี้ของผมเองครับ”




            TBC.
            #เปลี่ยนเทยให้เถื่อน



1 ความคิดเห็น: