วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

HUNTER BOY : รักเดือดๆของหนุ่มเลือดร้อน {Chapter 3}

HUNTER BOY : รักเดือดๆของหนุ่มเลือดร้อน
{Chapter 3}



            สายเรียกเข้าจากเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาเมื่อวานโชว์ขึ้นบนจอไอโฟนห้าสีดำ เด็กหนุ่มนักเลงขาโหดประจำโรงเรียนรอยอลนอนกรนคร่อกๆอยู่บนเตียงของตัวเอง เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปตีสี่.. หัวใจเต้นตึกๆเป็นจังหวะกลองชุดอย่างกับเพลงร็อค คิดไว้ว่าต้องเป็นเพราะกาแฟที่กินไปเมื่อวานแน่ๆก็เลยทำให้นอนไม่หลับแถมยังใจเต้นซะแบบนี้
           
            มือแกร่งเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาเลื่อนกดรับทั้งที่ตายังไม่ลืม ตื่นครึ่งไม่ตื่นครึ่ง

            “โทรมาหาพ่อมึง..”
            “พึ่งรู้ว่านายเป็นพ่อฉันนะ”
            “...”
            “ตื่นได้แล้ว สิบเอ็ดโมงแล้วนะ”
            “อือ..”
            “ฟังอยู่หรือเปล่า โอเซฮุน”
            “...”
            “ย๊า!!!!!!

            เสียงหวานตะโกนแผดใส่หูผมจนขี้หูจะเต้นอะโกโก้ สติเริ่มกลับมาประกอบเป็นรูปเป็นร่างทีละนิด ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูมาดูก็พบว่าเป็นนางฟ้าคริสเตียนที่โทรเข้ามา..
            เดี๋ยวก่อนนะครับ วันนี้กูมีนัดกับเขานี่หว่า
            เชี่ย!! กี่โมงแล้ววะ!

            “ลู่หาน โทษที นอนเพลินว่ะ”
            “ตื่นแล้วใช่มั้ย ให้ตะโกนซะเจ็บคอเลย”
            “เดี๋ยวรีบอาบน้ำ รอก่อน”
            “อื้ม”
            “ยังไม่ออกจากคอนโดใช่ป่ะ”
            “ยัง พึ่งสิบเอ็ดโมงเอง”
            “แล้วอาบน้ำยัง”
            “อาบแล้ว”
            “โอเคๆ เดี๋ยวรีบวิ่งผ่านน้ำเลย”
            “ไม่ต้องรีบมากก็ได้เดี๋ยวลื่นล้ม”
            “เสือกอ่ะดิ”
            “ไม่”
            “ปากแข็ง เดี๋ยวรีบอาบ แค่นี้ก่อนนะ”
            “อื้ม”
           
            ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำยังกับแข่งวิ่งผลัดกีฬาสีโรงเรียน สิบนาทีผมก็ออกมาด้วยผ้าขนหนูพันรอบเอว ไม่มีเวลาแล้ว กว่าจะออกจากบ้านนั่งรถเมล์ไปหน้าโรงเรียนก็ประมาณยี่สิบนาทีได้
            เปิดตู้หยิบกางเกงยีนส์ขาดเข่ากับเสื้อยืดสีดำไม่มีลายมาใส่ แล้วทำไมทรงผมกูเป็นงี้ โอ๊ย ผมหยิบบีนนี่สีดำมาใส่ปกปิดทรงผมรังนกของตัวเอง ก่อนจะแปะพลาเตอร์ยาคาดสันจมูกและข้างโหนกแก้ม ใส่รองเท้าผ้าใบเท่ๆคู่หนึ่งเป็นอันจบ

            ร่างสูงรีบกระโจนออกจากห้อง โดยที่ไม่ลืมหยิบของสิ่งหนึ่งจากในลิ้นชักติดมือมาด้วย..






            ร้านกาแฟ 12.05 น.
            คนสองคนที่นัดเจอกันต่างวิ่งกระหืดกระหอบมาจากคนละฝั่ง ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก็พบว่าสายไปห้านาทีแล้ว ระยะห่างระหว่างคนสองคนลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับอีกคนยืนอยู่ตรงหน้าพอดี

            “อ้าว/อ้าว”
            ยกนิ้วชี้ชี้หน้ากันทั้งคู่อย่างตกใจที่มาเจอกันตรงหน้าร้านกาแฟพอดี พอเจอหน้ากันจริงๆกลับไม่รู้จะพูดอะไรเลยแฮะ.. ต่างคนต่างเงียบ และมองสำรวจคนตรงหน้าด้วยสายตา

            วันนี้นางฟ้าคริสเตียนใส่ชุดธรรมดาๆแต่โคตรน่ารัก..
            ส่วนอันธพาลรอยอลใส่ชุดธรรมดาๆกับหมวกบีนนี่แต่โคตรเท่..

          ดูแตกต่าง แต่ลงตัว..


            “เข้าร้านป่ะ” ผมถามลู่หาน
            “เข้าดิ”
            มือแกร่งผลักประตูแล้วรอให้คนตัวเล็กกว่าเดินเข้าไปก่อน กลิ่นขนมหวานจากตัวของลู่หานผมสงสัยจริงๆว่ามันมาจากโคโลญจ์ เสื้อผ้า เส้นผม หรือว่าแก้มขาวๆนั่นกันแน่ อยากยกมือตบหน้าตัวเองสักสิบทีที่ละสายตาจากลู่หานไม่ได้เลย คราวก่อนที่เจอกันลู่หานสวยก็จริงแต่เขาไม่เห็นจะสนใจขนาดนี้..
            สงสัยเป็นเพราะได้คุยกันไปแล้วล่ะมั้ง ก็เลยรู้ว่านางฟ้าคริสเตียนโคตรน่าค้นหาแล้วก็โคตรน่าสนใจ

            เราสองคนนั่งลงที่เก้าอี้ติดกระจกตัวหนึ่ง โต๊ะเล็กๆทำให้เข่าของเราสองคนชนกันเล็กน้อย โต๊ะบ้าอะไรเล็กขนาดนี้วะ เอามือทุบนิดเดียวก็หักสองท่อนแล้วมั้ง
            “โต๊ะเล็กเนอะ” เสียงหวานเอ่ยบอก เขาคิดเหมือนผมว่ะ
            “เออดิ ทุบทีเดียวก็หักแล้วมั้ง”
            “โห เลือดนักเลงโตมาเต็ม”
            “ถึงจะนักเลงแต่ก็ไม่ทำร้ายผู้หญิงและสัตว์เลี้ยงนะครับ”
            “มีจริยธรรมด้วย”
            “แน่น๊อน กินไรป่ะ เดี๋ยวไปสั่ง”
            “นายกินไรป่าวล่ะ”
            “ไม่อยากกินว่ะ รู้ป่ะที่ตื่นสายเนี่ยก็เพราะเมื่อคืนกินกาแฟเข้าไป ใจเต้นตึกตักทั้งคืน”
            “บ้า กินกาแฟมันทำให้ใจสั่น ไม่ทำให้ใจเต้นตึกตัก”
            “อ้าวหรอ”
            “อื้อ”
            “งั้น ฉันกินกับนายละกัน”
            “ถามยังว่าอยากให้กินด้วยมั้ย”
            “จะกิน เอาไร”
            “อเมริกาโน่เย็น”
            “โหดไปป่ะค้าบบบบบ” เมื่อคืนผมก็กินไอ้นี่แหละ ตาปูดเป็นนกฮูกเลย
            “เอ้า ถ้างั้นนายอยากกินอะไรก็สั่งมาเลยแล้วกัน”
            “ลาเต้ปั่น โอเคนะ”
            “อื้ม นายเลี้ยงนะ”
            “ถือว่าขอบคุณที่ช่วยคราวนั้นละกัน”
           
            นางฟ้าคริสเตียนยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มตามทั้งที่ไม่รู้ตัว ขายาวก้าวเดินไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ก่อนจะกลับมานั่งที่รอกาแฟมาเสิร์ฟ

            “เที่ยงแล้ว กินข้าวยังเนี่ย” ลู่หานถามผม
            “ตื่นก็สิบเอ็ดโมงแล้ว อาบน้ำเสร็จก็รีบมาเนี่ย”
            “ไม่หิวหรอ”
            “อยู่ได้ สบาย”
            “กินกาแฟตอนท้องว่างเดี๋ยวก็ดีดทั้งคืนอีกหรอก”
            “เสือกอีกและ” ผมทำเสียงล้อเลียน
            “เออ..”
            “...”
          “เสือก”
           
            ตอนที่คุยไลน์กันผมได้อ่านแค่ตัวหนังสือของเขา มันโคตรจะร็อคเลยนะที่ตอบว่าเออหรืออะไรห้วนๆทำนองนี้ แต่พอมาฟังเสียงของเขาจริงๆ มองหน้าของลู่หานตอนพูดจริงๆ ไอ้คำว่าเออ เสือก เนี่ย นางฟ้าคริสเตียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงของเขาไม่ได้โหดหรือดุอะไรเลย
            ถ้าเปลี่ยนจากพูดว่า เออ เสือกเป็นคำว่า เออ ใส่ใจ
มันก็คงจะดี..


“ลาเต้ปั่นค่ะ”
พนักงานมาคั่นกลางไอฟุ้งแปลกๆระหว่างผมกับลู่หานพอดี ทำให้เราที่จ้องตากันอยู่ผละออกจากกัน

“มาสองคน สั่งแก้วเดียวหรอคะ”
“ครับ กินด้วยกัน”
“น่ารักดีนะคะ”
เธอยิ้มให้ผมกับลู่หาน เชี่ย ผมว่าผมชักอาการหนักแล้วล่ะ เราสองคนมองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก จนกระทั่งลู่หานยึดแก้วกาแฟปั่นไปดูดแก้เขิน

“ไมกินคนเดียววะ”
“นายยังไม่กินข้าวอ่ะ กินข้าวก่อนฉันถึงจะให้กินกาแฟ”
คนสวยยักคิ้วให้ผมสองจึ้ก

“ไปกินข้าวกันมะ”
“เอาจริง”
“อือ”
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ”
มือแกร่งที่มีรอยฟกช้ำจางๆดึงแขนมือคนสวยให้ลุกจากเก้าอี้แล้วดึงลากให้เดินตามออกจากร้าน เกือบคว้าเอาแก้วกาแฟมาด้วยไม่ทัน เนี่ยนะที่บอกว่าไม่หิว อยู่ได้สบาย ชิ..

เท้าเล็กสลับเดินให้ทันคนตัวสูงขายาว พอจะข้ามถนนเขาก็เลื่อนมือลงมาจับมือของนางฟ้าคริสเตียนแล้วดึงให้เดินข้ามถนนไปด้วยกัน

หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักอย่างประหลาด.. มันไม่ได้เต้นตึกตักสั่นๆแบบตอนกินกาแฟ


“นี่ จะรีบไปไล่ควายที่ไหน”
เสียงหวานพูดทักพร้อมกับขืนมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้เดินช้าลงหน่อย ผมหยุดเดินก่อนจะหันไปมองลู่หานก็พบว่าเขาดูเหนื่อยๆที่ต้องวิ่งตามผม ปกติผมก็เดินเร็วแบบนี้แหละ ลู่หานเดินตามไม่ทันหรอวะ..

“โทษ นึกว่าจะเดินตามทัน”
“ปกติฉันก็เดินเร็วนะ แต่เจอนายนี่ต้องวิ่งตามเลยอ่ะ”
“เว่อร์ละครับบบ”
ผมยอมเดินช้าลงจนลู่หานเดินอยู่ข้างๆผม ร้านข้าวอยู่อีกไม่ไกลนี้แล้ว แถวหน้าโรงเรียนรอยอลอ่ะถิ่นผม พาเด็กคริสเตียนโรงเรียนศัตรูมาเยี่ยมเยียนซะหน่อย

“ไม่ปล่อยมืออ่ะ”
“ไม่ จะได้รู้ไงว่านายเดินช้าหรือเดินเร็ว ฉันจะได้เดินไปกับนาย”
“ไม่อึดอัดหรอ”
“ไม่”
“...”
“หรือว่านายอึดอัด”
“ไม่เหมือนกัน”
.
.
.

ผมดูดน้ำหลังจากที่กินข้าวหน้าเนื้อจนหมดจาน เอื้อมมือไปแย่งแก้วกาแฟปั่นจากลู่หานมาดูด มองหน้า มองหน้า เดี๋ยวปั๊ดหยิก(ต่อยไม่ลง)

“อ้อ โทรศัพท์ของนาย”
เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำของผมขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ผมหยิบมันขึ้นมาเช็คแล้วก็สไลด์ดูแจ้งเตือนต่างๆ มันยังคงเหมือนเดิม ลู่หานไม่ได้ยุ่งกับส่วนอื่นเลยนอกจากไลน์ที่ชื่อว่าเสือก มิสคอลก็จากผู้หญิงทั้งนั้นไม่มีอะไรสำคัญ

ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกล่องเคสยื่นให้ลู่หาน
“อะไรอ่ะ”
“ให้”
“...”
“ก็ที่บอกถ้าใครเก็บโทรศัพท์ได้จะให้รางวัล นี่ไงรางวัล”

มือบางหยิบมันขึ้นไปแกะดู แล้วก็ต้องทำตาโต

“บ้าป่ะเนี่ย! เคสลายคิตตี้เนี่ยนะ”
“ใส่เลย”
“ที่ถามเมื่อคืนว่าใช้โทรศัพท์รุ่นอะไร ก็เพื่องี้ใช่ป่ะ”
“อือ ไอ้จงอินเพื่อนฉันมันซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด มันหน่อมแน้มไปเลยไม่ใส่ ก็เลยเอามาให้นาย เห็นเข้ากับหน้าดี”
“ซึ้งใจสุดๆ” ลู่หานพูดประชด

“เออ แล้วแต่ ไม่ใช้ก็เก็บไว้ แค่อยากให้”
“โกรธป่ะเนี่ยที่ไม่ใส่อ่ะ”
“เปล่า”
“...”
“แต่ให้อะไรใครก็อยากเห็นเขาใช้ป่ะวะ”
“ใส่ไม่ลงจริงๆ ขอโทษ”
“งั้นก็เก็บไว้ ถ้าหายเจอดีแน่”
ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้อย่างโหดๆ ลู่หานแยกเขี้ยวใส่ผมอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะยัดเคสลายคิตตี้ลงกระเป๋า

“ขอบใจนะที่เอาโทรศัพท์มาคืนอ่ะ”
“ไม่เป็นไร ทีหลังก็ดูแลมันดีๆแล้วกัน เครื่องละตั้งแพง”
ผมยิ้ม ทำไมคนสวยชอบขี้เสือก.. มันเหมือนกับว่าเขาแคร์ผมอย่างไงอย่างงั้น (คิดไปเอง)

“แล้วนี่นายจะกลับเลยหรือเปล่า” ลู่หานถามผมเมื่อเห็นว่าเคลียร์ธุระทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ทั้งคืนโทรศัพท์ แล้วก็กินข้าว
“อยากไปไหนต่อป่ะล่ะ”
“อยากกลับห้องไปนอน”
“นอนเยอะเดี๋ยวก็ขึ้นอืด ตำแหน่งนางฟ้าหลุดไม่รู้ด้วยนะ”
“ให้มันหลุดไปเถอะ ฉันไม่ได้อยากเป็นซะหน่อย”
“อ้าว เค้าไม่ถามความสมัครใจของนายเลยหรอวะ”

คนสวยส่ายหัว

“เชี่ย เดี๋ยวยกพวกต่อยคณะกรรมการนักเรียนให้เอามะ”
ลู่หานหัวเราะ อะไรวะคนกำลังซีเรียสนะเนี่ย “มันก็ไม่ได้แย่หรอกไอ้ตำแหน่งเนี้ย แค่ต้องแบ่งเวลาเรียนกับกิจกรรมให้ดีๆ”
“ไม่เหนื่อยหรอ ตัวก็เล็กนิดเดียวทำงานซะเยอะ”
“มันหลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะ เหมือนนายที่ต้องสู้ตอนมีคนมาหาเรื่องไง”
“เชี่ย มันเหมือนกันที่ไหนวะ”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะนายน่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าให้ปล่อยผ่าน”
“...”


“แยกย้ายกันกลับบ้านเถอะ”


ลู่หานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปเลย แผ่นหลังเล็กๆของนางฟ้าคริสเตียนค่อยๆห่างจากผมออกไปเรื่อยๆ จากน้ำเสียงนิ่งๆดูก็รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง


การที่มีคนคุยกันไปเรื่อยๆและรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดี มันก็รู้สึกดีนะ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งกลับพบว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เราไปด้วยกันไม่ได้เลย เราแตกต่าง เราเดินอยู่คนละทาง..
นั่นคือความรู้สึกของลู่หาน.. แย่หน่อยที่เราพบจุดนั้นเร็วเกินไป แต่มันก็ดีเพราะเราพึ่งจะอยู่ในสถานะคนคุยๆกันอยู่

เพราะมันจะได้จากกันง่ายๆ และยังไม่ผูกพันอะไรกันเท่าไหร่นัก..



.
.
.

ผมนอนเลื่อนดูโทรศัพท์ของตัวเองอย่างเหม่อๆ กดเข้าอ่านแชทไลน์ของคนที่ชื่อเสือกซ้ำๆไปมา แม่ง อย่างกับโดนบอกเลิกเลยว่ะ แล้วทุกอย่างที่เคยคุยกันลู่หานก็คืนผมมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะฝากไว้ให้ลู่หานคิดทบทวนเลยว่าเราก็เคยสร้างรอยยิ้มให้กันนะ ตอนที่เราคุยกันมันดีนะเว้ย..

ช่วงนี้เด็กคริสเตียนแม่งเงียบผิดปกติด้วยไม่ค่อยมาหาเรื่องเด็กโรงเรียนผม ว่าจะไปใช้กำลังระบายอารมณ์ซะหน่อยก็ต้องพับเก็บไป มันก็ดีแล้วมั้ง โรงเรียนจะได้สงบสุขซะที แผลบนหน้าของผมจะได้หาย จะได้หล่อๆเป็นพระเอกหนังซะหน่อย

ผมกับลู่หานไม่ได้คุยกันอีกตั้งแต่วันนั้น จนผ่านมาวันจันทร์ผมก็ยังไม่ได้โทรไปหาเขา.. บางทีเวลาอาจจะทำให้ลู่หานได้คิดอะไรบ้างเหมือนกับที่ผมคิด





วันอังคาร.. สามทุ่มตรง

เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่ไฟในร่างกายอ่อนลงมากเพราะมีนางฟ้าเอาน้ำมาดับกำลังนั่งเหม่อๆอยู่บนฟุตบาทข้างพุ่มไม้

“วีวี่ นายอยู่คนเดียว เหงาป่ะวะ”

ผมนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าวีวี่ มันมองผมตาแป๋วเหมือนจะฟังรู้เรื่อง

“แต่ก่อนอยู่คนเดียวก็ไม่เหงานะเว้ย วันๆก็มีแต่เรื่อง ต่อยคนปากแตก ไปเรียน กลับบ้าน โดนพ่อด่า เข้าห้องปกครอง สนุกจะตาย”


“แต่ตอนนี้ฉันเหงาว่ะ..”
.
.

“งี้ดๆ”

อุ้งเท้าน้อยๆแตะลงบนขา ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นมานอนบนตักของผม


“ฉันเคยเจ๋งกว่านี้ใช่มั้ยวีวี่”
“บ๊อก!


          ถ้าคิดว่าเหตุของนายมันดีมากพอ นายไม่จำเป็นต้องคิดถึงผลเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน มีความสุขที่ได้ทำก็ทำไง ง่ายจะตาย



“ถ้าฉันจะโทรหาเขาเพราะคิดถึง นายว่ามันเป็นเหตุผลที่ดีพอมั้ยวีวี่”

มันกระดิกหางดิ๊กๆใส่ผมใหญ่ ไอ้นี่มันรู้ใจผมดีกว่าพ่อผมอีกนะเนี่ย





ผมปิดประตูห้องนอนของตัวเอง ยืนหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมากดเบอร์ลู่หาน

มือสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ วันนี้ไม่ได้กินกาแฟด้วย อะไรที่มันเกิดขึ้นก็คงเป็นเพราะความรู้สึกของผมล้วนๆนั่นแหละ

นิ้วโป้งกดโทรออกพร้อมกับใจที่เต้นตึกตักอย่างลุ้นๆ ไม่รู้ว่าเขาจะรับสายของผมมั้ย อาจจะกดตัดสายทิ้ง ปิดเครื่องหนีไปเลยได้

วัดใจกันไปเลยวะ..



“ฮัลโหล..”

เสียงหวานๆรับสายของผมแล้ว ผมเม้มปากแน่น แค่ได้ยินเสียง ความรู้สึกในอกมันก็แทบระเบิดออกมา สามวันที่ไม่ได้คุยกันมันแย่มากสำหรับผม ผมบอกแล้วว่าผมแม่งเป็นเอามากอ่ะ หาเรื่องต่อยคนไปทั่วไม่เคยจะกลัว ดันมากลัวกับผู้ชายตัวเล็กๆอย่างลู่หาน

เขามีอิทธิพลกับผมขึ้นทุกวัน..

เขาตอบไลน์ ผมดีใจ
เขากวนตีน ผมหัวเราะ
เขาเป็นห่วง ผมใจเต้น
เขาโกรธ ผมอยากง้อ..


“คุยได้ป่าว”
“ได้..”
.
.

“ทำไรอยู่”
“พึ่งกลับคอนโด”
“งานยุ่งอีกแล้วหรอ”
“อื้อ”
“กินข้าวยัง”
“ยังอ่ะ กำลังจะกิน นายล่ะ”
“กินไม่ค่อยลงเลยไม่กิน”
“...”

“คิดถึงข้าวหน้าเนื้อ”
“ก็ไปกินสิ”
“คิดถึงลาเต้ปั่น”
“นี่..”
“คิดถึงนายอ่ะ”
“...”

ผมไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนบอกลู่หานออกไปแบบนั้น มันพูดออกมาโดยอัตโนมัติ เหมือนกับสมองผมไม่ได้คิด หัวใจผมต่างหากที่คิด


“อ๊ะ!

เพล้ง!!

ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด ..


“ลู่หาน! ลู่หาน!

สายถูกตัดไปแล้วหลังจากที่ผมได้ยินเสียงร้องของลู่หานและเสียงเหมือนอะไรตกแตก ผมกดโทรออกซ้ำหาลู่หานอีกครั้งแต่เหมือนเครื่องถูกปิดไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับลู่หานวะ!


ผมวิ่งออกจากบ้านทั้งที่ยังใส่เสื้อยืดสีขาวอยู่บ้านและกางเกงยีนส์ลากแตะ ความเป็นห่วงนำโด่งมาก่อนอะไรทั้งหมด ในหัวจินตนาการไปต่างๆนาๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับลู่หานได้บ้าง

รถเมล์นี่แม่งก็ขับช้าจริงเว้ย ผมกดออดแล้ววิ่งลงจากรถเมล์ทันทีเมื่อมันจอดสนิท บางทีการที่ใส่รองเท้าแตะมันก็เป็นการดีจะได้วิ่งถนัดๆ ผมใส่เกียร์หมาเกียร์เสือชีต้าวิ่งไปยังคอนโดของลู่หานทันทีด้วยความร้อนใจ

พอมาถึงคอนโดของลู่หานก็รีบวิ่งไปทุบปุ่มกดลิฟต์ทันที ผมหอบแฮ่กจนคนรอบๆมองมาด้วยสายตาคำถาม ไม่สนเว้ย ในหัวของผมมีแต่ลู่หานจะเป็นอะไรมากมั้ยเท่านั้น เขาอยู่ห้องคนเดียวแบบนั้นถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะคอยดูแล โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้อีก
ประตูลิฟต์เปิดออกผมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นแต่ก็ทำไม่ได้


ปังๆๆๆ!!
“ลู่หาน! เปิดประตู เปิด!

ปังๆๆๆ!

ผมทุบประตูห้องลู่หานเสียงดัง ไม่นานคนที่ผมคอยห่วงเขาก็เปิดประตูออกมา

ลู่หานยังอยู่ในชุดนักเรียน เสื้อสีขาวเปื้อนคราบสีแดงเป็นทาง ตามพื้นมีรอยเลือดเป็นรูปเท้าของเขา ผมอ้าปากค้าง


“นายมาได้ยัง.. เฮ้ย!

คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อโดนช้อนตัวอุ้ม ผมพาเขามาวางไว้บนเตียง จับตัวลู่หานดูทุกจุดว่ามีแผลตรงไหน โดนอะไรมาทำไมเลือดเต็มตัวแบบนี้

“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามเสียงเครียด
“ทำแก้วน้ำแดงตกแล้วเผลอเหยียบเศษแก้วน่ะ”
“ตกใจแทบแย่ เปิดประตูมาก็เห็นเลือดท่วมตัวซะ”
ผมถอนหายใจออกมา โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

“แล้วนี่มาได้ยังไง”
“วิ่งมา”
“ห๊ะ เอาจริง”
“จริง คนมันเป็นห่วงนี่หว่า แล้วทำไมสายตัดไปแบบนั้น โทรกลับก็ไม่ติด”
“โทรศัพท์ร่วงไปด้วยอ่ะ โดนน้ำแล้วมันก็ช็อตดับไปเลย”
“ฟาดเคราะห์สุดๆ ไหนเอาเท้ามาดูดิ้”
ผมนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าของลู่หาน ค่อยๆจับข้อเท้าของเขาขึ้นมาพลิกดู แผลตรงกลางเท้าเลยแฮะ

“กล่องปฐมพยาบาลอยู่ไหน”
ลู่หานชี้ไปบนโต๊ะกินข้าว เหมือนกับว่าเขากำลังจะทำแผลให้ตัวเองแล้วผมก็โผล่มาพอดี ผมเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วนั่งทำแผลให้ลู่หาน เรื่องทำแผลนี่ผมถนัด รู้ว่าทำยังไงจะไม่เจ็บ ลู่หานก็เลยไม่ร้องออกมาสักแอะ


“เสร็จแล้ว”
คนตัวเล็กพลิกดูเท้าของตัวเอง ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบเท้าอย่างแน่นหนาและกลัดเนี้ยบสุดๆ

“ขอบคุณนะ”
“อยู่คนเดียวแบบนี้ เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ครั้งนี้มันฉุกละหุกจริงๆนั่นแหละ”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเป็นมากกว่านี้ เป็นหนักกว่านี้ ใครจะมาช่วยได้ทันวะ


“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โทรหาฉันเป็นคนแรกได้หรือเปล่า”
“...”
“สัญญาดิ”

.
.
“อื้อ”


เรามองหน้ากัน มองตากัน ราวกับจะสื่อผ่านความรู้สึก ผมไม่รู้นะว่าลู่หานคิดยังไงกับผม คิดยังไงกับเรื่องที่ผมเข้ามาในชีวิตของเขา

แต่สำหรับผมอ่ะ ผมอยากมีลู่หานอยู่ในชีวิตของผม อยากดูแลเขาในทุกๆวัน..



“สามวันที่ผ่านมา เหงาเหมือนกันป่าวอ่ะ”

คนสวยนิ่งไปนิด เขาไม่ตอบคำตอบผมเป็นคำพูด แต่พยักหน้าหงึกหงักช้าๆแทน


ผมยิ้มกว้างออกมา ลู่หานเองก็ยิ้ม

เชี่ย.. ใจเราตรงกันแล้วใช่มั้ย


ร่างสูงขยับขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆคนเท้าเจ็บ

“มีแค่เรื่องพูดไม่เพราะเรื่องเดียวใช่มั้ยที่นายไม่ชอบอ่ะ”
“เรื่องชกต่อยด้วย”
“หมดยัง”
“อืม.. หมดแล้วมั้ง”
“ถ้างั้นฉันจะไม่พูดคำหยาบกับนาย แล้วก็จะลดเรื่องชกต่อยลงก็แล้วกัน”
“เอาจริง”
“จริง”
“...”
“ไม่อยากเห็นนางฟ้าคริสเตียนเดินหนีอีก ปวดใจ”
“บ้า”
“ฉันทำเพื่อนายนะ รู้ไว้”
“...”

ลู่หานเม้มปากกลั้นยิ้ม ตาโตๆของเขาหลุบลงต่ำอย่างไม่กล้าสบตา นางฟ้าเขินผมว่ะ.. ไอ้คนพูดมันก็เขินเหมือนกันนั่นแหละ

“แล้วนายล่ะ ไม่ชอบฉันตรงไหนบ้าง”
“ไม่มี เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”
“...”

เหมือนจะกลั้นยิ้มไม่อยู่แล้วจริงๆ ลู่หานก็เลยยิ้มออกมา.. หัวใจของผมเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ใช่กาแฟดีดเชี่ยอะไรทั้งนั้น
.
.


ผมดึงลู่หานเข้ามาจูบ เขาทำตาโตอย่างตกใจที่ผมทำอะไรบุ่มบ่าม อยากทำตัวน่าจูบทำไมครับ..

ร่างบางเอนตัวลงจนพิงกับขอบเตียงด้วยแรงรุกของผม มันยิ่งง่ายที่ผมจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ เรื่องชั้นเชิงชกต่อยน่ะผมเจ๋ง แต่เรื่องชั้นเชิงเมกเลิฟผมเจ๋งกว่า (ภูมิใจ)

ผมจูบลู่หานด้วยลิ้นของผม ยิ่งลู่หานให้ความร่วมมือดีๆมันยิ่งเคลิ้มและรู้สึกดี ผมไม่เคยจูบใครแล้วหัวใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อนเลย ลู่หานเป็นคนแรกนะ..

อยากจูบต่อไปเรื่อยๆแต่คงต้องหยุดเพราะเดี๋ยวมันจะเลยเถิด ผมจำใจผละออกมาจากริมฝีปากนุ่มๆหวานๆของนางฟ้าคริสเตียนที่ใครต่อใครต่างหมายปอง ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำใสๆข้างมุมปากให้กับเขาด้วย ลู่หานเหมือนยังสติไม่คงที่ เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ผมก็เลยเลื่อนใบหน้าไปจุ๊บเขาอีกทีให้เจ้าหญิงนิทราตื่น

มือแกร่งดึงเข็มกลัดตรงหน้าอกเสื้อของลู่หานออกมาแล้วยัดเก็บใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง ยิ้มขำๆให้กับอาการมึนเบลอของนางฟ้าตัวน้อยแล้วลุกจากเตียง เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปเก็บกวาดซากของที่ทำหล่นแตก


“นี่ เอาเข็มกลัดฉันไปทำไมน่ะ”

ได้รับคำตอบเป็นเสียงผิวปากกวนๆ


“เอาคืนมานะเซฮุน พรุ่งนี้ต้องติดไปเรียน”
“เฮ้ย อย่าลุกมานะ ลุกมาจับจูบอีกทีนะ”
“...”
“นั่งอยู่บนนั้นแหละ อย่าเดิน”

นางฟ้าคริสเตียนเท้าเจ็บนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดผิดหรือคิดถูกกันนะที่ให้เขาเข้ามายึดครองพื้นที่หัวใจไปส่วนหนึ่ง ทำตัวเป็นพ่อเลย..
แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี.. สามวันที่ไม่มีเขา มันทำให้ลู่หานคิดถึงแชทที่เคยส่งหากัน อาการเช็คโทรศัพท์ทุกๆสิบนาทีที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง

นางฟ้าบนสวรรค์กับนักเลงโตที่มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน

เหมาะกันจริงๆเล้ย..





.
.
.

“ลู่หาน เข็มกลัดนายหายไปไหนน่ะ”
“มีคนเอาไปอ่ะ”
“ใคร”
“เด็กโรงเรียนรอยอลน่ะ”
“ตายแล้ว!

เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของมินอาทำให้นางฟ้าของโรงเรียนสะดุ้งตามไปด้วย มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอกับไอ้การโดนดึงเข็มกลัดเนี่ย

“ทำไมหรอมินอา”
“นายไม่รู้ความหมายของมันเลยหรอ”
“ไม่อ่ะ”
“มันก็แปลว่านายเสร็จเด็กรอยอลแล้วน่ะสิ!
“ห๊ะ!

จะบ้าหรือไง!

“ถ้าเป็นผู้ชายต่อยกันอ่ะนะ การยึดเข็มกลัดโรงเรียนหมายถึงหยามเกียรติขั้นสุด”
“...”
“แต่ถ้าเป็นคู่รัก จะหมายถึงเธอเป็นของผู้ชายคนนั้นแล้ว”
           

“เรื่องจริงหรอ”
“จริงสิ”
“...”
“นั่นๆๆแน่.. ไปโดนผู้ชายรอยอลที่ไหนดึงเข็มกลัดมาหรอจ๊ะ”
“แค่กวนประสาทมากกว่ามั้ง”
“หน้าแดงทำไมอ่ะ”
“เฮ้ย เปล่า”
“อย่าให้ฉันรู้นะยะ!
“รู้อะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
“ใครอ่ะ หล่อป่ะ”
“ไม่บอก!
“กรี๊ดดดดดดด ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าแกเสร็จใคร!

ฝันไปเหอะว่าจะบอก..

มือบางยกขึ้นกุมริมฝีปากตัวเองที่ยังติดสัมผัสจากผู้ชายเลือดร้อนคนนั้น

เสร็จบ้าบออะไรกันล่ะ..





TBC.
#ฮุนเตอร์บอย




1 ความคิดเห็น: