HUNTER
BOY : รักเดือดๆของหนุ่มเลือดร้อน
{Chapter
1}
ภายในโกดังร้างที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำฝน..
เพล้ง!
ไม้หน้าสามติดตะปูฟาดเข้ากับกระจกจนมันแตกละเอียดลงกับพื้น
เศษกระจกกระเด็นบาดข้างแก้มขาวและสันจมูกจนเลือดไหลซิบ
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนเปรอะเปื้อนรอยดำและรอยรองเท้าค่อยๆยกหลังมือปาดเลือดที่ข้างแก้ม
ถุยน้ำลายผสมเลือดลงกับพื้นแล้วจ้องมองคู่ต่อสู้ตรงหน้าด้วยแววตาที่ราวกับมีกองเพลิงลุกอยู่ในนั้น
“เหลือกูกับมึงตัวตัวแล้ว
ถ้าไม่อยากเป็นไอ้หน้าตัวเมียก็ทิ้งไม้ลงซะ!”
เสียงทุ้มตวาดลั่น
มองคนตรงหน้าที่แสยะยิ้มร้ายพร้อมกับแกว่งไม้หน้าสามติดตะปูนั่นไปมาเบาๆก่อนจะโยนทิ้งไปอีกทาง
รอบตัวมีเด็กนักเรียนทั้งสองโรงเรียนนอนสลบอยู่เกลื่อนพื้น
เหลือเพียงแค่นักสู้ตัวเปล่าสองคนที่สะบักสะบอมพอกัน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
หมัดต่อหมัด
ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันด้วยเลือดร้อนพุ่งพล่าน
เสียงหมัดกระทบใบหน้าดังตุบตับน่ากลัว
การต่อสู้ย่อมมีคนแพ้และคนชนะ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งทรุดตัวลงนอนกับพื้นอย่างหมดแรง
โดยที่ยังมีอีกคนที่ยืนหยัดอยู่ด้วยสองขาห่างออกไปสองเมตร
ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว..
ร่างสูงเดินเข้าไปดึงเข็มกลัดตราประจำโรงเรียนบนอกเสื้อของคนที่นอนสลบเหมือด ดึงเข็มกลัดพวกของมันทุกคนออกมาให้หมดก่อนจะเดินไปเอาเท้าสะกิดเพื่อนคู่หู
“จงอิน
เชี่ยจงอิน ตื่น”
“อืม..”
“ตายยังวะ”
“พ่องดิ”
เสียงแหบร่อแร่แต่ยังมีแรงด่าได้
ใบหน้าฟกช้ำจนแทบไม่มีที่ว่าง ไหนจะซ้ำกับแผลเก่าที่พึ่งได้มาเมื่อสองวันที่แล้ว
จงอินยังไหว..
“มึงกลับไปก่อนเลย
เดี๋ยวกูกู้ซากพวกนี้เอง”
“กลับไม่ไหวโทรหากูนะ
อย่าทำเก่ง”
“เออ
ขอกูนอนให้กระดูกคอเข้าที่แป๊บนึง แค่นี้สบาย..”
เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากออกมา
แต่ก็ยิ้มได้นิดเดียวเท่านั้นเพราะมุมปากช้ำจนเลือดจะซิบอยู่รอมร่อ
“กูไปนะ
ฝากด้วย”
“เออ
อย่าลืมทำแผลก่อนเข้าบ้านล่ะ เดี๋ยวพ่อมึง..”
“เออ
ไม่ลืมหรอก”
ร่างสูงหมุนตัวเดินออกจากโกดังร้าง
สองมือที่เปรอะด้วยคราบเลือดและแผลฟกช้ำสอดลงกระเป๋ากางเกง
เหวี่ยงกระเป๋าสะพายที่วางกองๆไว้ด้วยกันตรงประตูโกดังขึ้นสะพายหลัง
ก้าวเดินตรงไปยังทางลาดคอนกรีตขรุขระออกจากซอยแคบๆนี้
มือแกร่งเขย่าเข็มกลัดหกอันที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเล่น
เด็กโรงเรียนคริสเตียนแม่งอ่อน.. แพ้ครั้งที่ล้านแล้วมั้งแต่ก็ยังเสือกปากดี
หาเรื่องแว้งกัดเด็กโรงเรียนกูไปทั่ว
‘โอเซฮุน’ พาร่างสะบักสะบอมของตนเองเดินมาจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์
เวลาสองทุ่มครึ่งกับคนที่บางเบา ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ป้ายรถเมล์
ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูไม่เป็นอะไร แต่ภายในกำลังบอบช้ำจากแรงหมัด
และเศษกระจกปักอยู่บริเวณสีข้างของเขากำลังสร้างบาดแผลลึกมีเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆไม่ยอมหยุด
สายตาเริ่มพร่ามัว
ภาพข้างหน้าเบลอไปหมดเหมือนคนสายตาสั้นเป็นพันๆ
สติสุดท้ายผมรับรู้เพียงแค่ว่ามีคนมานั่งข้างผม
ใส่ชุดนักเรียนผูกไทลายสก็อตสีกรมท่า กลิ่นตัวหอมอ่อนๆเหมือนขนมหวานรสโปรด..
ผมสลบไปบนไหล่ของเขา
“นาย!
เด็กโรงเรียนรอยอลนี่.. นาย ฟื้นสิ!”
.
.
กลิ่นแอลกอฮอล์แม่งแรงมากจนผมลืมตาตื่นขึ้นมาจนได้
เปลือกตาหนักๆเปิดขึ้นก็เห็นหลอดไฟสว่างจ้า ไม่ใช่บ้านผมนี่หว่า ที่นี่ที่ไหน..
“เฮ้
ฟื้นแล้วหรอ”
เลื่อนสายตาลงมาจากหลอดไฟหน่อยก็เห็นคนยืนอยู่ข้างผม
ใครกัน
กลิ่นหอมๆเหมือนขนมหวานทำให้ผมฟื้นความจำได้ว่าเขาคือคนที่ผมสลบใส่ที่ป้ายรถเมล์
มองพินิจพิจารณาใบหน้าด้วยสายตาพร่าๆของผมก็พบว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย ไหล่เล็ก
มีผมสีน้ำตาลมิลค์ที หน้าตาสวยมาก
ที่เด่นๆก็คือดวงตาที่สวยหวานของเขาและกลีบปากบางๆน่าจูบ
เรียกว่านางฟ้าก็คงไม่ผิดแปลก
เลื่อนสายตาลงมาหน่อยก็พบว่าเขายังใส่ชุดนักเรียนอยู่
ป้ายชื่อบนอกข้างซ้ายเขียนว่า ‘ลู่หาน’
ส่วนเข็มกลัดบนอกข้างขวา
คือเข็มกลัดที่เหมือนกับเข็มกลัดห้าหกอันที่อยู่ในกระเป๋าผม
โรงเรียนคริสเตียน
“อย่าพึ่งลุก
เดี๋ยวแผลเปิด”
“อั้ก!”
ผมเอามือกุมสีข้างของตัวเองก็พบว่ามีผ้าพันอย่างหนา
มันเจ็บเหมือนโดนแทง(เคยโดนแทงมาก่อนก็เลยรู้) สายตาคมกริบตวัดมองคนข้างตัว ทำไมไม่บอกพรุ่งนี้ไปเลยล่ะ
“นายสลบไปที่ป้ายรถเมล์
แผลเต็มตัวขนาดนี้ไปหาเรื่องใครเค้ามา”
“ที่นี่ที่ไหน”
“คอนโดของฉันเอง
ตามสบายเถอะ”
“มึงอยู่เกรดไหน”
“...”
“ตอบดิ”
“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ”
“มึง”
“พูดเพราะๆได้หรือเปล่า
เป็นอันธพาลมาจากไหน”
ผมจิ๊ปากก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
ไม่ถามก็ได้วะ
ลู่หานเองก็ดูอดกลั้นกับผมมากพอสมควร
ทั้งพามาทำแผล ไหนจะมารองรับอารมณ์ของผมอีก แต่ใครจะสนกันวะ
เด็กคริสเตียนแม่งก็เหมือนกันหมด ปากดี ขี้หาเรื่อง กวนตีน
ผมจับๆใบหน้าของตัวเองดูก็พบว่าแผลถูกปฐมพยาบาลหมดแล้ว
ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ยา ถูกแปะอย่างเรียบร้อยกว่าคลินิกหมอแถวบ้านอีก
ผมค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไม่ให้กระทบแผลที่สีข้าง
มองนาฬิกาข้างผนังก็พบว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว
โธ่เว้ย..
ขยับคอตัวเองนิดหน่อยเพื่อวอร์มร่างกาย
ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังประตู ผมบิดลูกบิดเปิดประตูและก้าวออกจากห้อง
“จะไปเลยหรอ”
เสียงหวานๆนั้นเอ่ยถาม ผมหันไปมองนางฟ้าคริสเตียนอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าตาย
“อือ”
“สภาพนี้?”
“เออ”
จะถามอะไรนักหนาวะ
นึกจะทวงบุญคุณกันหรือไง ผมไม่ถือว่ามันเป็นบุญคุณอะไรหรอกนะ
จุ้นจ้านเข้ามาช่วยเองนี่หว่า
ใบหน้าหวานนั้นดูเหนื่อยหน่ายกับผมเต็มประดา
ผมแม่งก็ทำหน้ากวนตีนใส่เลย
“นี่
ฉันไม่ได้สอนนะ แต่อย่าทำแบบนี้กับคนอื่นอีกได้มั้ย มันเสียมารยาท”
“เรื่องของกู
เด็กกว่าอย่ามาสอน”
“ฉันอยู่เกรดสิบสอง
เป็นพี่นาย”
มือเล็กชูกระเป๋าสตางค์ของผมขึ้นมา
เชี่ย เอาไปเมื่อไหร่วะ โคตรวอแว จุ้นจ้าน
“ไม่ใช่แม่กู
อย่ามายุ่งให้มาก”
ผมคว้ากระเป๋าตังค์มาจากมือขาวๆนั่น
ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง เห็นมั้ย เด็กคริสเตียนแม่งกวนตีนทุกคน
ผมพูดผิดตรงไหน
โรงเรียนรอยอลกับโรงเรียนคริสเตียนเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
เด็กโรงเรียนคริสเตียนชอบมาหาเรื่องเด็กโรงเรียนผมบ่อยๆ
พวกเด็กอ่อนด๋อยโดนพวกนั้นเล่นงานหมด ทั้งไถตังค์ รุมกระทืบ
หนักสุดคือจับไปขังไว้ที่โรงเรียนมัน เด็กๆที่โดนหาเรื่องก็มาฟ้องพวกผมทั้งนั้น
แล้วแบบนี้จะอยู่เฉยได้ยังไงวะ..
เปรียบฝั่งคริสเตียนเป็นพวกรุก
ฝั่งรอยอลก็เป็นพวกตั้งรับ
และผมก็เป็นขาโหดประจำโรงเรียนรอยอล
เรื่องต่อยตีถนัดกว่าเรื่องเรียนเป็นพันเท่า
ไอ้พวกหัวโจกของคริสเตียนไม่มีใครไม่รู้จักผม
พวกที่มีเรื่องกันประจำก็ที่พึ่งต่อยกันไปเมื่อกี้นั่นแหละ
คนตรงหน้าของผมแม่งก็ไม่ต่างจากคริสเตียนคนอื่นๆแหละวะ
สวยแค่ไหนก็ช่าง อย่าคิดว่าผมไม่กล้าต่อยไม่กล้าหาเรื่อง ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน
ผมมองใบหน้าสวยหวานนั่นอีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง
ปิดประตูเสียงดังโครมอย่างเสียมารยาทตามที่เขาบอก
หวังว่าจะเจอกันแค่ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย..
เด็กหนุ่มที่มีแผลเต็มตัวเดินเข้าบ้านของตนอย่างเงียบเชียบ
ไฟปิดเกือบหมดทุกดวงแล้วเพราะเป็นเวลาดึกพอสมควร
ห้องโถงกว้างใหญ่มีแสงไฟพอสลัวให้พอเดินคลำทางขึ้นบันไดไปได้
รองเท้าที่เปรอะไปด้วยโคลนถูกถอดออกก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวขอบรองเท้าถือไว้ไม่ให้โคลนเลอะพื้นพรม
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดบ้านโอ่อ่าสมฐานะและการงานของประมุขมองบ้าน
ผู้อำนวยการโรงเรียนรอยอล..
หากแต่ไม่มีใครรู้ว่านักเลงหัวไม้โอเซฮุนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียน
ชื่อเสียงในทางลบทำให้ค่อนข้างอายที่จะป่าวประกาศให้ใครต่อใครทราบ
ผมรู้และเข้าใจพ่อดี
ลูกอย่างผมมันไม่เคยได้ดั่งใจอะไรสักอย่าง ซ้ำยังสร้างแต่ปัญหา
“กลับมาแล้วหรอ”
“พ่อ..”
เด็กหนุ่มชะงักฝีเท้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของตนเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง
ใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำและพลาสเตอร์แปะคาดสันจมูกก้มลงอย่างพยายามหลบซ่อน
“กี่ครั้งแล้วเซฮุนที่แกทำตัวเหลวแหลกแบบนี้
มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เห็นแก่หน้าของพ่อบ้าง”
“ขอโทษครับ”
“ตั้งใจเรียน
อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยเหมือนลูกคนอื่นเขาบ้าง”
“...”
“ฉันอายจริงๆที่มีลูกไม่ได้เรื่องแบบแก..”
“...”
ทิ้งถ้อยคำทิ่มแทงหัวใจเอาไว้ก่อนจะเดินจากไป
ผมชินแล้วล่ะกับคำด่าเหล่านั้น.. ชินจนหน้าชาอยู่แทบทุกวัน
ผมไม่รู้ว่าพ่อมองเห็นแผลบนตัวผมหรือเปล่า
หรือว่ามองเห็นแค่พฤติกรรมแย่ๆของผมในแต่ละวัน
เตียงนุ่มๆคือสวรรค์อย่างหนึ่งของผม ทิ้งตัวลงนั่งอย่างเบาๆไม่ให้กระทบกับแผลที่สีข้าง
สงสัยตอนที่ไอ้ซึงโฮฟาดกระจกแล้วมันกระเด็นมาเสียบสีข้างเข้าอย่างจัง
ผมไม่รู้สึกเพราะแผลที่อื่นมันก็ปวดตุบๆพอกัน
จนมาเริ่มหน้ามืดเพราะเสียเลือดมากก็ตอนนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์นี่แหละ
มือแกร่งล้วงเอาเข็มกลัดออกจากกระเป๋ากางเกงและเปิดลิ้นชักโยนเข็ดกลัดในมือทั้งหมดลงในกล่อง
เข็มกลัดโรงเรียนคริสเตียนจำนวนเกือบร้อยอันอัดแน่นอยู่ในกล่องนั้น
ผมไม่ได้เก็บแต้ม แต่การยึดเข็มกลัดของพวกนั้นก็เหมือนการหยามเกียรติอย่างสูงสุด
เปรียบเป็นร่างกายก็เหมือนโดนตัดหน้าออกไปนั่นแหละ
ผมไปอาบน้ำชำระร่างกายและคราบดินสกปรกที่ติดตัวผมออกไปให้หมด
เดินออกมาเปลี่ยนพลาสเตอร์ยาและพันผ้าพันแผลใหม่ให้เรียบร้อย
วิชาปฐมพยาบาลผมได้เกรดเอก็เพราะมีเรื่องบ่อยเนี่ยแหละ
ให้ตาย.. ห้าทุ่มแล้ว
เด็กหนุ่มในชุดลำลองเสื้อยืดสีขาว
กางเกงขาสั้น
เปิดประตูรั้วบ้านเล็กๆของตนแล้วเดินออกไปพร้อมกับกล่องอาหารสุนัขและนมจืดกล่อง
เดินห่างออกจากบ้านประมาณห้าเมตรก็หยุดเดินแล้วหย่อนตัวลงนั่งยองๆข้างพุ่มไม้หนา
กระดกลิ้นทำเสียงเรียกสองสามที
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กก็วิ่งดุ๊กดิ๊กออกมาจากพุ่มไม่พร้อมกับกระโดดใส่เขา
“โฮ่ง!”
“หิวล่ะสิวีวี่
ขอโทษนะวันนี้มาดึกไปหน่อย”
ลูบหัวมันสองสามทีอย่างเอ็นดูก่อนจะเลื่อนถาดอาหารและถาดนมจากพุ่มไม้ข้างๆออกมาเทอาหารให้เจ้าตูบกิน
หางสั้นๆแกว่งไปมาอย่างดีใจ มือแกร่งที่มีรอยฟกช้ำลูบหัวมันไปพลาง
มองดูวีวี่ที่กินอาหารไปพลางอย่างผ่อนคลาย
มันเป็นสุนัขที่โดนใส่กล่องวางทิ้งตรงนี้เมื่อสามเดือนที่แล้ว
ผมกับมันคงมีชีวิตที่คล้ายๆกันมั้ง โดนทิ้ง ไม่ได้รับความรักและความสนใจ
“วันนี้ฉันชนะด้วยนะ
แต่ก็โดนกระจกเสียบ แผลหนักเอาการเลยล่ะ”
คุยเล่นกับมันราวกับเป็นผู้รับฟังหนึ่งเดียวของเขา
นักเลงหัวไม้ในยามนี้ดูอ่อนโยนและมีรอยยิ้มจางๆ
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง อายุสิบเจ็ดปี.. และยังมีความสดใส
“ฉันสลบอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วก็มีคนพาฉันไปทำแผลด้วยแหละวีวี่
จะขอบคุณมากถ้าไม่ใช่เด็กโรงเรียนคริสเตียน แต่แม่ง..
ฉันติดหนี้บุญคุณเด็กโรงเรียนคริสเตียนเข้าจนได้”
ถอนหายใจออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เอาจริงๆถึงปากผมจะบอกว่าลู่หานมาจุ้นจ้านกับผมเอง
แต่แท้จริงแล้วผมน่ะเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างใหญ่หลวงเลยล่ะ
ลู่หานนั่นแหละผิดที่อยู่โรงเรียนคริสเตียน..
เด็กหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนก่อนจะเอนตัวลงนอนประสานมือหนุนหัวต่างหมอน
ป่านนี้ไอ้จงอินแม่งเป็นไงบ้างก็ไม่รู้
มันอึดพอๆกับผมนะแต่วันนี้ร่วงง่ายชิบ
ปกติมันจะเป็นคนคอยเก็บกวาดเด็กๆที่ไปสู้ด้วยกัน ไม่รู้ตอนนี้จะเรียบร้อยดีหรือยัง
พรุ่งนี้ยังมีเรียนและผมเป็นห่วงทุกคนกลัวว่าจะขาดเรียนเอา
นักสู้มันไม่กลัวตายหรอก แต่หน้าที่บางอย่างมันก็สำคัญและยังตายไม่ได้
ผมสอนพวกมันเสมอว่าชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ อย่าพึ่งรีบตาย
ผมคว้ากระเป๋าขึ้นมาก่อนจะเปิดล้วงหาโทรศัพท์
แต่หาจนกระเป๋าจะฉีกก็ยังไม่เจอ
ถึงกับเทของทั้งหมดออกมาแต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์ของผมเลย..
เชี่ย โทรศัพท์หายหรอวะ
ผมเดินออกจากห้องไปใช้โทรศัพท์บ้านต่อสายหาเบอร์ของตัวเอง
ไม่มีคนรับ เงียบกริบอย่างกับมันหายไปในหลุมดำ ผมถนหายใจออกมาเซ็งๆ
ไอ้เรื่องซื้อโทรศัพท์ใหม่น่ะจิ๊บจ๊อยมากเพราะบ้านผมรวย
แต่ข้อมูลสำคัญๆในนั้นมันก็มี แถมมันพึ่งหายไปได้ไม่นานตามหาตอนนี้ยังคงทัน
อาจจะตกตอนที่อยู่ในโกดัง ป้ายรถเมล์
ไม่ก็.. ห้องของลู่หาน
ผมเอาโทรศัพท์บ้านเข้ามาในห้องนอนแล้วต่อสายหาจงอิน
มันรับสายอย่างงัวเงีย
“มีใครตายวะโทรมาเอาป่านนี้ ฮัลโหล
ใครค้าบ..”
“กูเอง เชี่ยจงอิน”
“เซฮุน”
“เออ โทรศัพท์กูหายว่ะ
โทรไปก็ไม่มีคนรับ”
“เชี่ย จริงป่ะ”
“เรื่องจริง
มึงไลน์ไปหน่อยดิว่าให้เอาโทรศัพท์มาคืนกู ส่งๆไปเดี๋ยวมันก็เด้งขึ้นหน้าจอ
คนมาเจอจะได้รู้ว่าเอามาคืนได้ที่ไหน”
“มึงได้ตั้งรหัสล็อกหน้าจอป่ะวะ”
“ไม่ว่ะ”
“โธ่เอ๊ย งี้ใครเค้าจะคืนวะ
โทรศัพท์เครื่องละตั้งสองสามหมื่น”
“เออน่า เกาหลียังไม่สิ้นคนดีหรอก”
“เออๆ เดี๋ยวกูส่งไลน์ให้
ถ้าไม่ได้คืนอย่ามาโทษกูนะครับ”
“ขอบใจว่ะ แล้วนี่เป็นไงบ้าง
เรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“สบายหายห่วงเพื่อน”
“หึ..
คนเหล็กอย่างกูกับมึงไม่ตายง่ายๆหรอก”
“ช่ายยยยยยยย ฮ้าววววววววว
แค่นี้ก่อนนะไอ้ฮุน กูนอนละ บาย”
“ขอให้ฝันเห็นผี”
“สัดดดดด”
ผมกดวางสายก่อนจะทิ้งโทรศัพท์บ้านไว้ข้างตัว
เวรกรรมหรือปีชงอะไรวะเนี่ย
ผมเอี้ยวตัวไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าออกมา
ไอโฟนห้าสีดำยังคงใช้งานได้อยู่ ซิมเบอร์เก่ายังคงติดอยู่ในเครื่องไม่หายไปไหน
ผมกดเปิดเครื่องก่อนจะเข้าโปรแกรมไลน์ แอดไอดีไลน์ปัจจุบันของผมแล้วกดเข้าหน้าแชท
บางทีผมเป็นคนคุยเองน่าจะดีกว่าให้ไอ้จงอินคุยนะ
HOON : ผมเป็นเจ้าของโทรศัพท์เองนะ
ถ้าคุณเก็บได้ โทรมาที่เบอร์นี้ 083-01xxxxx
ชื่อไลน์เก่าแบ๊วชิบหาย..
แหงล่ะมันคือเครื่องตั้งแต่สมัยผมอยู่เกรดเก้า
หน้าจอแชทเงียบสนิท ไม่มีคนอ่าน
ไม่มีคนตอบ
HOON : ถ้าเอามาคืน
ผมมีรางวัลให้ด้วยนะครับ
ให้เงินสักสามหมื่นวอนคงจะพอเป็นแรงจูงใจให้คนที่เก็บได้เอามาคืนผม
หน้าจอแชทเงียบไปเลยอย่างกับโทรศัพท์ผมถูกดูดลงหลุมดำจริงๆ
ตอนนี้มันจะตีหนึ่งแล้วคนเก็บได้อาจจะนอนหลับไปแล้ว
หรือไม่ก็ยังไม่มีใครเจอโทรศัพท์ของผม
HOON : ติดต่อผมกลับด้วยนะครับ
คุณคนเก็บได้ ..
เช้าวันต่อมา
หน้าต่างแชทยังคงเงียบสนิทจนถึงเจ็ดโมงเช้า
ไม่อ่านและไม่ตอบ เชี่ยแม่ง ถ้าใครเอาไปขายนะกูจะสาปแช่งให้เป็นหมันตลอดชีวิต
ผมอาบน้ำแต่งชุดยูนิฟอร์มนักเรียนไม่เรียบร้อยมากนัก
เพราะยังไงตอนเย็นก็หลุดลุ่ยกลับมาอยู่ดี เนกไทสีแดงผูกหลวมๆพอเป็นพิธี
พลาสเตอร์ยาสองชิ้นแปะอยู่ข้างโหนกแก้มและคาดสันจมูกดูโคตรเฮี้ยว
ผมหยิบสูทจากในตู้มาพาดบ่าและหยิบกระเป๋าแบนๆมาสะพายเตรียมออกไปโรงเรียน
หากแต่เสียงไลน์ที่เด้งขึ้นมาทำให้ผมหยุดชะงักขาของตัวเองไว้เสียก่อน
__________OHSE : สวัสดีตอนเช้า
ไอ้เหี้ย.. คนเก็บโทรศัพท์ของผมได้แม่งโคตรกวนตีน
อยากจะพิมพ์ตอบกลับไปว่าสวัสดีตอนเช้าหาพ่อมึง
แต่ผมกลัวว่าจะได้โทรศัพท์คืนพร้อมกับมีดเสียบกลางกระเพาะมากกว่า
HOON : คุณเก็บโทรศัพท์ของผมได้ใช่ไหมครับ
เขาอ่านในทันทีที่ผมตอบกลับไป
ผมก็เลยนั่งบนเตียงเพื่อคุยกับเขาให้จบก่อน
__________OHSE
: อื้มใช่
HOON
: เก็บได้ที่ไหนครับ ป้ายรถเมล์หรือเปล่า
__________OHSE
: นายทำตกไว้ที่ห้องของฉัน
...
ทฤษฎีโลกกลมของอริสโตเติลแม่งโคตรเรื่องจริง
__________OHSE
: พูดเพราะๆก็เป็นนี่นา
__________OHSE
: ไม่สิ พิมพ์
HOON
: เอาโทรศัพท์กูมาคืนที่โรงเรียนรอยอล ด่วน -_-
__________OHSE
: เป็นเจ้าชายได้ไม่ถึงนาทีเป็นกุ๊ยซะและHOON
อยากเอาหัวโหม่งขอบตู้ให้สลบเหมือด
นางฟ้าคริสเตียนล้อชื่อไลน์ผม โอ๊ย ถุยชีวิตเซฮุน
ผมรีบเปลี่ยนชื่อไลน์ทันที
เสียตัวดีกว่าเสียหน้าเว้ย
เสือก
:
เอาโทรศัพท์มาคืน หรือจะให้กูไปเอาที่ไหน นัดมา
__________OHSE
: ตอนนี้ฉันอยู่โรงเรียนแล้ว จะมาเอาหรือเปล่าล่ะ
เสือก
:
เชี่ย กูไม่ไปเหยียบคริสเตียนหรอกเว้ย
เสือก
:
สัด
ผมตอบไปด้วยอารมณ์โมโห
เขาอ่านแล้วแต่ยังไม่ตอบ เงียบไปประมาณสามนาทีแล้วก็ยังไม่ตอบกลับมา
เสือก
:
ไมเงียบวะ
เสือก
:
ตอบดิ
เสือก
:
จะเอาโทรศัพท์คืนเนี่ย
เสือก
:
จะได้จบๆ
__________OHSE
: พูดดีๆกับฉัน ไม่งั้นไม่คุยด้วย
แม่งเสือกเรื่องมากอีก
สวยซะเปล่าทำไมดุเป็นแม่เลยวะ
เสือก
:
เออๆ
__________OHSE
: ยังอีก
เสือก
:
ครับบบบบบบบบบ จะเอาโทรศัพท์คืนครับ ว่างวันไหน?
__________OHSE
: อืม.. ช่วงนี้โรงเรียนมีกิจกรรม
__________OHSE
: ไม่ว่างเลยแฮะ
เสือก
:
อย่ากวนตีน
หน้าต่างแชทเงียบไปอีกครั้ง
ผมเริ่มหงิดแล้วนะเว้ย ปวดหลังปวดคอด้วยก้มแชทนาน ปกติผมเป็นคนชอบดองไลน์
ไอ้จะมานั่งตอบแชททั้งวันนี่ฝันเอายังง่ายกว่า
สาวๆที่ผมคุยด้วยก็บ่นเรื่องนี้กันใหญ่(เห็นนักเลงแบบนี้แต่ก็มีสาวคุยนะ
ผู้หญิงชอบคนเลวและเข้าถึงยาก)
เสือก
:
เฮ้ย เงียบหา..
เสือก
:
เคๆ โทษค้าบ
เสือก
:
แล้วเย็นนี้ว่างป่ะ?
ไม่เสือก
:
ก็บอกว่าไม่ว่างไง ติดกิจกรรมโรงเรียน
เชี่ย..
นางฟ้าคริสเตียนเปลี่ยนชื่อไลน์ของผมด้วย เสือกกับไม่เสือก โคตรร็อค -_-
เสือก
:
เปลี่ยนชื่อไลน์กูไม
เสือก : เอ้ย
เปลี่ยนชื่อไลน์ทำไม
ไม่เสือก :
อ่านชื่อไลน์นะ
เสือก : เนี่ย
มึงมันกวนตีน
เสือก : พูดจริงนะ
ไม่ได้พูดคำหยาบ
เสือก : แบบ
เธอกวนว่ะ
ไม่เสือก :
ทำไมเรียกฉันว่าเธอ ฉันเป็นผู้ชายนะ
เสือก : โห่หน้าสวยยังกับนางเอกหนัง
เรียกเธอแหละเข้าสุดแล้ว
ไม่เสือก :
send you a photo
ไม่เสือก : ฉันเป็นผู้ชาย
อย่าพูดว่าสวยเด็ดขาด!
เสือก : ไอ้รูปที่ส่งมาเนี่ยเช็คยัง
เสือก : สวย
ไม่เสือก :
จะไม่เอาโทรศัพท์คืนใช่มั้ย จะได้เอาไปปาหัวหมาเล่น
เสือก : บ้าเรอะ
เครื่องละตั้งสองสามหมื่น
นั่งคุยนานๆปวดคอว่ะ
ผมก็เลยนอนคุยแชทกับนางฟ้าคริสเตียนที่โคตรกวนส้นตีน
ไม่ได้คุยเพลินเชี่ยไรทั้งนั้นแหละ แค่ยังหาข้อสรุปไม่ได้เท่านั้นเองว่าจะเอาโทรศัพท์คืนที่ไหนยังไง
ไม่เสือก :
เดี๋ยวค่อยคุยกัน เข้าแถวแล้ว
“อ่าว เดี๋ยวดิ
ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย”
ผมสบถออกมาเบาๆ
เข้าแถวบ้าอะไรตอนนี้มันพึ่งเจ็ดโมงครึ่ง..
ชิบหาย! ผมคุยกับลู่หานจนถึงแปดโมง!!
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ใส่เกียร์หมาวิ่งไปโรงเรียนด่วนเลย!
.
.
“ได้เรื่องป่ะ
โทรศัพท์มึงอ่ะ”
“กูไลน์ไปคุยกับคนที่เก็บได้แล้ว”
“โชคดีว่ะเพื่อน
แล้วใครเก็บได้วะ”
“เด็กคริสเตียน”
“โชคร้ายขึ้นมาทันทีเลยเพื่อน
-_-
กูขออวยพร”
ไอ้จงอินทำหน้าบูดเป็นหมีกินผึ้งทันทีที่ผมพูดถึงชื่อโรงเรียนคริสเตียน
เมื่อเช้าผมวิ่งรอบสนามห้ารอบเพราะมาเข้าแถวสายก็เพราะเด็กคริสเตียน
“มึงรู้จักคนนี้ป่ะ”
ผมชูรูปลู่หานในจอไอโฟนห้าให้จงอินมันดู
“รู้จักดิ
นางฟ้าคริสเตียน ตัวจริงอย่างสวย”
“โรงเรียนศัตรู
อย่าเยอะ”
“แฮ่..”
“ดังมากหรอวะคนนี้”
“ดังดิวะ
พี่เค้าได้คะแนนโหวตล้นหลามทุกปีเลยนะเว้ย คืองี้นะ
โรงเรียนคริสเตียนมีให้โหวตปริ้นซ์ ปริ้นเซส แล้วก็วีนัสเว้ย
อารมณ์ดาวเดือนแล้วก็ขวัญใจช่างภาพอ่ะ ลู่หานเค้าสวยแต่เสือกเป็นผู้ชาย
จะเลือกให้เป็นปริ้นซ์ก็ไม่เหมาะ เป็นปริ้นเซสก็ไม่ได้
ก็เลยฟาดรางวัลวีนัสหรือนางฟ้า กวาดคะแนนโหวตไปซะ 98% ของคนทั้งโรงเรียน”
“ประกวดบ้าบออะไรนักหนา
ไม่สนใจเรื่องเรียนกันหรอวะ”
“เอาไว้เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนไง
ทำกิจกรรมนู่นนี่นั่นแทบไม่ได้พัก”
งั้นที่ลู่หานบอกว่าติดกิจกรรมคงไม่ใช่เรื่องโกหก..
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วจะได้โทรศัพท์คืนตอนไหนวะเนี่ย
สงสัยตอนเย็นต้องเอาไอโฟนไปเปลี่ยนฟิล์มซะแล้วล่ะ ขูดขีดเหลือเกินเพราะมันเก่า
ท่าทางว่าผมต้องได้ใช้เครื่องนี้อีกนาน
ผมเดินลงจากห้องเรียนมาซื้อน้ำที่โรงอาหาร
รอยแผลกับพลาสเตอร์บนใบหน้าของผมเป็นสิ่งที่ชินตาของทุกคนในโรงเรียน
ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นลูกของผอ.ยกเว้นไอ้จงอินคนเดียว ถ้าคนอื่นรู้..
พ่อผมคงจะเสียหน้าแล้วก็อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
เดินออกจากโรงอาหารได้สามก้าว
ก็มีเด็กเนิร์ดแว่นหนาเตอะเดินมาโค้งหัวให้ผมปะหลกๆ เด็กนี่ชื่อคยองซู
โดนพวกคริสเตียนแกล้งประจำ
“พี่เซฮุน
ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม”
“เรื่องเล็กว่ะ
มันทำอะไรมึงอีกมาบอกกูได้”
“ครับ
ฝากขอบคุณพี่จงอินด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้เขาผมคงแย่..”
“เออ
ไปเรียนไป”
มันยิ้มจนปากเป็นรูปหัวใจ
ถ้าถอดแว่นแล้วสลัดคราบเนิร์ดออกคงดูดีไม่ใช่เล่น
เพราะอ่อนแอแบบนี้ไงถึงได้โดนเล่นงานประจำ
มองตามหลังคยองซูไปจนลับมุมตึก
เดินหลังค่อมเป็นเต่า ดำรงชีวิตอยู่บนโลกได้ยังไงวะคนแบบนี้
ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะดูดน้ำแล้วก้าวเดินต่อ
“เซฮุน!”
น้ำแทบพุ่งออกจากปากเมื่อมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งวิ่งมาดักหน้าผม
“มีไรแบร์
ตกใจหมด”
“ทำไมไม่ตอบไลน์เราอ่ะ”
“ก็รู้นี่ว่าเราตอบช้า
ชอบดอง”
แบร์คือผู้หญิงที่ผมคุยๆอยู่ด้วย
แต่ก็แค่คุยนั่นแหละ.. กับผู้หญิงผมพูดเพราะนะ
“ทำไมเปลี่ยนชื่อไลน์เป็นไม่เสือกล่ะ”
“อ่อ
เพื่อนแกล้งน่ะ”
นางฟ้าคริสเตียนนู่นเลยแบร์..
โทรศัพท์กูอยู่กับเขา
“ถ้าเย็นนี้เซฮุนไม่ตอบนะ
เราจะไลน์ไปเป็นร้อยๆข้อความเลย”
“เฮ้ย
อย่านะ!”
“...”
“อย่าส่งไป
เราไม่ว่างตอบหรอก ส่งเยอะเดี๋ยวรำคาญนะ”
แบร์ทำหน้างอนๆก่อนจะสะบัดตูดเดินหนีไปนู่น
หวังว่าคงจะช่วยไม่ให้ไลน์จากสาวๆของผมเด้งไปให้คนกิจกรรมเยอะเค้ารำคาญนะ
TBC.
#ฮุนเตอร์บอย
ฮื่อออออ นางฟ้าคริสเตียน
ตอบลบ